การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คงเป้านักท่องเที่ยว 25-30 ล้าน เสริมกลยุทธ์สร้างจุดขายใหม่ ยก Soft Power ที่พัก อาหาร ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไฮซีซั่น
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านการตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่า ททท. ยังคงเป้านักท่องเที่ยวปี 66 ไว้ที่ 25-30 ล้านคน ซึ่งตัวเลข 7 เดือนแรก มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไทยแล้วถึง 15,391,104 คน เติบโตขึ้นกว่า 400% เมื่อเทียบกับปี 65 สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวถึง 663,862 ล้านบาท โดยเป็นค่าที่พัก 29% และค่าใช้จ่ายด้านอาหาร 20%
สำหรับสิ่งที่ต้องเร่งทำวันนี้ คือ การสร้างความประทับใจใหม่ ด้วยการนำเสนอจุดขายที่ดึงนักท่องเที่ยวเดิมให้กลับมาและดึงนักท่องเที่ยวใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งโรงแรมที่พักส่วนหนึ่ง ได้สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้อย่างมาก เพราะมีทั้งความสะดวก บริการที่ดีเยี่ยม มีความสวยงามในหลายรูปแบบให้เลือก บนมาตรฐานที่ดี หลายแห่งยังได้รับรางวัลระดับโลก และมีระดับราคาที่แข่งขันได้
ส่วนกลุ่มอาหาร ร้านอาหาร และ Street Food ก็มีเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวไม่แพ้กัน อาหารไทยโดดเด่นจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ โดยทั้ง 2 ส่วนนี้ต้องผลักดันให้เป็น Soft Power ที่สร้างมูลค่า เป็นอาวุธใหม่ทางการท่องเที่ยว โดยสามารถพัฒนาไปได้ทั้งการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism)
ดังนั้น การจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 จึงสำคัญมากต่อการพัฒนาผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ค้าปลีก และธุรกิจบริการ ให้เป็นกำลังสำคัญในการให้บริการนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ททท. ได้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ อย่างเต็มที่ และยังได้จัดกิจกรรมสัมมนาพิเศษขึ้นในหัวข้อ “โอกาสในการเติบโตของธุรกิจอาหารออร์แกนิกและความเป็นคลังอาหารของประเทศไทย” (Thailand’s Culinary Treasures: Unlocking the Power of Organic Food in Hospitality and Dining) เพื่อให้ความรู้และนำเสนอถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย
ด้านนายมนู เลียวไพโรจน์ ประธาน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 กล่าวถึงความสำคัญของการจัดงานฯ ว่า นอกจากวัตถุประสงค์การเป็นงานแสดงสินค้าสำหรับธุรกิจท่องเที่ยวที่ครบวงจรที่สุดของภูมิภาคแล้ว ยังต้องการพัฒนาผู้ประกอบการให้เป็นแรงหนุนสำคัญของการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข่งขันกับนานาชาติได้
โดยแนวคิดการจัดงาน คือ การเชื่อมโยงสู่อนาคต (Connecting the Future) ในปีนี้มีผู้ผลิตสินค้าและบริการระดับพรีเมียมร่วมจัดแสดงงานกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 20 ประเทศ ทั้งในโซน Coffee & Bakery Thailand (CBT), โซน Restaurant & Bar Thailand (RBT) และ 2 โซนใหม่ คือ โซน Shop & Retail Thailand (SRT), และโซน Cleaning & Hygiene Thailand (CHT)
นอกจากนี้ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรก คือ การเปิดพื้นที่จัดแสดงพิเศษ SIPS & SPIRITS ที่เป็นการรวบรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไวน์ คราฟต์เบียร์จากทั่วโลกมาร่วมจัดแสดง รวมถึงสุราไทยที่กำลังเป็นกระแสความสนใจอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับเวิร์คชอปการชงค็อกเทล การทำเบียร์ การสัมมนาให้ความรู้จากผู้อยู่ในอุตสาหกรรมและธุรกิจตัวจริง และกิจกรรมการประชุม สัมมนา เวิร์คชอป การแข่งขันที่น่าสนใจอีกมากมาย อาทิ การแข่งขันบาร์เทนเดอร์, การแข่งขันทำอาหาร หรือเวิร์คชอปการทำเบเกอรี่ อาหาร เป็นต้น
นายมนู กล่าวว่า การจัดงานฯ ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมชมงานจากประเทศต่างๆ จำนวนมาก มีการลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อเข้าร่วมงานแล้วมากถึง 40 ชาติ ทำให้คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานสูงถึง 28,000 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 66)
Tags: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์, ททท., นักท่องเที่ยว, มนู เลียวไพโรจน์