นายจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกงเปิดเผยวันนี้ (22 ส.ค.) ว่า เขาคัดค้านอย่างรุนแรงต่อแผนของญี่ปุ่นที่จะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงทะเล และฮ่องกงจะดำเนินมาตรการควบคุมการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นในทันที
ญี่ปุ่นเตรียมดำเนินแผนปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วกว่า 1 ล้านตันจากโรงไฟฟ้าในวันพฤหัสบดี (24 ส.ค.) โดยยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวนั้นปลอดภัย ทั้งนี้ โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะเสียหายอย่างหนักจากสึนามิเมื่อปี 2554 และน้ำเกือบทั้งหมดถูกใช้เพื่อการลดอุณหภูมิของเตาปฏิกรณ์ต่าง ๆ
แม้ว่าหน่วยงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) จะให้การรับรองแล้วก็ตาม แผนการปล่อยน้ำดังกล่าวยังคงถูกต่อต้านอย่างรุนแรงทั้งในและต่างประเทศ จากความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร
นายลีกล่าวว่า การปล่อยน้ำลงทะเลนั้นเป็นการกระทำที่ “ไร้ความรับผิดชอบ” และก่อให้เกิด “ความเสี่ยงที่ไม่อาจจินตนาการได้ต่อความปลอดภัยของอาหาร และสร้างมลพิษและทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างที่ไม่อาจแก้ไขได้”
นายลีได้ระบุในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาว่า เขาได้สั่งการให้รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยา ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการควบคุมการนำเข้าทันที เพื่อปกป้องความปลอดภัยของอาหารและสุขภาพของประชาชน
การประกาศของทางการฮ่องกงในเดือนก.ค. ระบุว่า ทางฮ่องกงจะแบนการนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากจังหวัดต่าง ๆ ของญี่ปุ่น ซึ่งได้แก่ โตเกียว, ฟุกุชิมะ, ชิบะ, โทชิกิ, อิบารากิ, กุนมะ, มิยากิ, นีงาตะ, นางาโนะ และไซตามะ โดยงดนำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำทั้งมีชีวิต, แช่แข็ง, แช่เย็น, อบแห้ง รวมไปถึงเกลือทะเลและสาหร่ายทะเล
ทั้งนี้ ฮ่องกงเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและประมงรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยร้านอาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมในฮ่องกง และญี่ปุ่นยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงวันหยุดสำหรับชาวฮ่องกงจำนวนมาก
บรรดาร้านอาหารญี่ปุ่นในฮ่องกงกำลังเตรียมรับมือกับคำสั่งแบนอาหารทะเล โดยบางร้านมีแผนจะเพิ่มเนื้อสัตว์บกเข้ามาในเมนูเนื่องจากคาดว่าอาจจะขาดทุนถึง 40%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 66)
Tags: กัมมันตรังสี, ญี่ปุ่น, น้ำปนเปื้อน, อาหารทะเล, ฮ่องกง, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์