หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์อิงทางลงตามตปท. กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์อิงทางลง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังตลาดกลับมากังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย จากเงินเฟ้อที่ยังสูง และ Bond Yield สหรัฐ 10 ปี ปรับตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน พร้อมให้แนวต้าน 1,525-1,530 จุด แนวรับ 1,505-1,510 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์อิงทางลง ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยที่เช้านี้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เปิดแล้วปรับตัวลงตามกัน จากปัจจัยลบภายนอกที่เข้ามากระทบ โดยเฉพาะความกังวลในการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ยังกังวลเงินเฟ้อสูง และยังสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) 10 ปี ปรับตัวขึ้น กดดันตลาดหุ้น

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งยังคงต้องติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีต่อในสัปดาห์หน้าว่าจะเป็นอย่างไร ขณะที่กระแสเงินทุนไหลออก (Fund flow) ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย โดยให้แนวต้าน 1,525-1,530 จุด แนวรับ 1,505-1,510 จุด

* ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,765.74 จุด ลดลง 180.65 จุด หรือ -0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,404.33 จุด ลดลง 33.53 จุด หรือ -0.76% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,474.63 จุด ลดลง 156.42 จุด หรือ -1.15%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 31,621.98 จุด ลดลง 144.84 จุด หรือ -0.46% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,023.11 จุด ลดลง 306.19 จุด หรือ -1.67% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,137.35 จุด ลดลง 12.78 จุด หรือ -0.40%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ส.ค.66) 1,519.56 จุด ลดลง 1.17 จุด (-0.08%) มูลค่าซื้อขาย 59,402.80 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 745.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16 ส.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 79.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ส.ค.) อยู่ที่ 12.88 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.53 อ่อนค่าจากวานนี้ รับดอลลาร์แข็งค่าหลังกังวลทิศทางดอกเบี้ยเฟด
  • จับตา “รหัสลับ 375” ชี้ชะตา “เศรษฐา” นายกฯ คนที่ 30 มติศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกคำร้องผู้ตรวจการฯ ดับฝันเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ ด้าน “วันนอร์” ชิงเกมเร็ว นัดประชุมรัฐสภาโหวตรอบสาม 22 ส.ค. ยกข้อบังคับ-ธรรมเนียมปฏิบัติปี 62 ไม่บังคับแคนดิเดต นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์ ขณะที่ก้าวไกลดิ้นสู้ จี้ทบทวนมติรัฐสภา “พิธา” ลั่นขอให้จบที่สภา
  • จับตา “ออลล์ อินสไปร์” ดิ้นหาทางออกกรณีถูกระงับการซื้อขายโครงการ อสังหาฯ หลังขาดทุนสะสมหนัก พบลูกค้าแห่ร้องเรียนเรียกคืนเงินตามสัญญาซื้อขาย เหตุโครงการสร้างไม่เสร็จตามกำหนดสัญญา
  • ส.อ.ท.เปิดข้อมูลส่งออกไทยส่งสัญญาณชัดกระทบหนัก 7 อุตฯ หลักถดถอยค้าชายแดนวูบ จี้ตั้งรัฐบาลให้เร็วเร่ง ขับเคลื่อน ศก.ด่วน ซ้ำดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 66 อยู่ระดับ 92.3 ต่ำสุดในรอบ 10 เดือนหลังหนี้ครัวเรือนและค่าครองชีพพุ่ง แถมตั้งรัฐบาลล่าช้า ท่ามกลางศก.โลกถดถอย

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CBG (กรุงศรี) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 82 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ไตรมาส 1/66 และทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3/66 ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาอะลูมิเนียมลดลงใกล้ระดับต่ำสุดของปีนี้อีกครั้ง
  • BEM (ดาโอ) แนะนำซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 9.10 บาท เราปรับพอร์ตโดยเอาหุ้นที่มีความเป็น defensive หรือกำไรยังแข็งแรง ที่นักลงทุนมีโอกาสเข้ามาพักเงินในช่วงนี้ และอาจมีผลบวกในเรื่องการตั้งรัฐบาลใหม่ด้วย
  • BEM รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 901 ล้านบาท โต +42% YoY, +20% QoQ ผลการดำเนินงานที่ขยายตัว YoY เป็นไปตามการฟื้นตัวของภาคการเดินทางและท่องเที่ยว รวมถึงการทยอยรับรู้ผลบวกจากการให้บริการสายสีน้ำเงินเต็มวง เราประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 3.7 พันล้านบาท (+50% YoY) โดยประเมินกำไรไตรมาส 3/66 จะโตต่อเนื่อง YoY มี catalysts จากความคืบหน้าโครงการสายสีม่วงใต้และ Double Deck และนโยบายพรรคการเมืองในการช่วยสนันสนุนส่วนต่างค่าโดยสารรถไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยหนุนปริมาณ ridership
  • GULF (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี) แนะนำซื้อ Bloomberg TP 58.98 บาท มองไตรมาส 3/66 คาดจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จากฐานต่ำในปีก่อน และการรับรู้รายได้จาก โครงการใหม่ที่ COD ในช่วงที่ผ่านมา บวกกับโครงการโรงไฟฟ้า Jackson ฟื้นตัวตามปริมาณการใช้ ไฟที่มากขึ้นและต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top