นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 จากความพยายามในการปรับกลยุทธ์ให้ดีที่สุด หลังจากไตรมาส 2/66 นี้ มีผลขาดทุน 611 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากผลการขาดทุนใน บริษัทร่วม ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) (SINGER)ที่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด
พร้อมย้ำให้นักลงทุนมั่นใจ ไตรมาส 2/2566 คือ จุดต่ำสุดของปี และคาดว่าผลงานจะพลิกกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ โดยยังคงมีปัจจัยบวกต่อผลประกอบการ เช่น การเติบโตของธุรกิจติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ซึ่งเพิ่งได้พอร์ตสินเชื่อหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันขนาดใหญ่เข้ามาในไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา การเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ Jas Green Village บางบัวทอง ของบริษัทย่อย เจเอเอส แอสเซ็ท (J)ในเดือนกันยายน 2566 นี้ พร้อมกับ การเข้าสู่ High Season ของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกจัดจำหน่ายมือถือที่จะมี มือถือรุ่นใหม่ออกมาจำหน่าย พร้อมกับการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน “New Ecosystem” เพื่อต่อจิ๊กซอว์สร้างการเติบโตจาก Synergy ภายในกลุ่มบริษัท
อย่างไรก็ดี ล่าสุด บริษัทที่เป็นเรือธงของเจมาร์ท ได้ประกาศผลการดำเนินงานออกมา โดย JMT ทำกำไรไตรมาส 2/66 ได้อย่างแข็งแกร่งที่ 551 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.2% ทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส รับยอดจัดเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมมีกำไรจากการซื้อลูกหนี้เก็บเข้าพอร์ต สนับสนุนให้งวด 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.4% พร้อมประกาศปันผลระหว่างกาล 0.34 บาท/หุ้น ขึ้น XD 24 ส.ค.66 กำหนดจ่าย 8 ก.ย.66 ตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 66)
Tags: JMART, ผลประกอบการ, หุ้นไทย, อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา, เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์