กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (11 ส.ค.) ระบุว่า ราคาขายปลีกสำหรับข้าวนำเข้าและข้าวที่ผลิตในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกระหว่าง 4% – 14% ในเดือนนี้ หลังราคาข้าวหน้าฟาร์มในประเทศและทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อด้านอาหาร
ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในฟิลิปปินส์ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อข้าวในประเทศแตะที่ 4.2% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2562 บ่งชี้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการเร่งกักตุนข้าวอย่างรวดเร็วของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นประเทศนำเข้าข้าวรายใหญ่
นอกจากความเสี่ยงด้านอุปทานแล้ว ฟิลิปปินส์ยังต้องเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง อันเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังว่าจะไม่รุนแรงมากนัก
ด้านนายเจสัน คาอิงเล็ต ผู้อำนวยการบริหารของกลุ่มเกษตรกร SINAG กล่าวว่า ราคาข้าวหน้าฟาร์มในฟิลิปปินส์เริ่มเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปกติแล้วผลผลิตข้าวจะน้อยในช่วงเดือนก.ค. – ก.ย. บวกกับบรรดาผู้ค้าข้าวที่แก่งแย่งกันซื้อข้าว รวมถึงราคาข้าวนำเข้าที่พุ่งสูงขึ้น
ดัชนีราคาข้าวขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก.ค. จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี เนื่องจากราคาข้าวในบรรดาประเทศผู้ส่งออกข้าวรายหลัก ๆ ก็พุ่งสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง บวกกับกรณีอินเดียระงับการส่งออกข้าวบางชนิดด้วย
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ณ วันพฤหัสบดี (10 ส.ค) ข้าวสายพันธุ์พิเศษในตลาดสดของฟิลิปปินส์ ทั้งข้าวนำเข้าและผลิตในประเทศ มีราคาสูงถึง 65 เปโซ (1.16 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นมากถึง 12% จากเดือนที่แล้ว
ราคานำเข้าข้าวชั้นดีพุ่งสูงขึ้น 4% สู่ระดับ 52 เปโซต่อกิโลกรัม ส่วนราคาข้าวสายพันธุ์เดียวกันที่ผลิตในประเทศ พุ่งขึ้น 14% สู่ระดับ 56 เปโซต่อกิโลกรัม
สำหรับราคาข้าวที่มีต้นทุนต่ำอย่างข้าวสีดี (well milled) พุ่งขึ้น 6% ส่วนข้าวสีธรรมดา (regular milled) พุ่งขึ้น 11%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 66)
Tags: กระทรวงเกษตร, ฟิลิปปินส์, ราคาข้าว, เงินเฟ้อ