บมจ.บ้านปู (BANPU) เผยผลการดำเนินธุรกิจครึ่งแรกของปี 66 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 2,424 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,498 ล้านบาท) มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 280 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,474 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4,543 ล้านบาท)ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 23,053 ล้านบาท
บริษัทยังคงรักษากระแสเงินสดในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง แม้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย
โดยบริษัทมุ่งดำเนินธุรกิจโดยเน้นความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงจากตลาดพลังงานที่มีความผันผวนสูง บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจในประเทศยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และเร่งพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) เพื่อตอบโจทย์การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) เดินหน้าเปลี่ยนผ่านธุรกิจเพื่อตอกย้ำจุดยืนในการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU กล่าวว่า บริษัทยังสามารถรักษาเสถียรภาพของการดำเนินงานในครึ่งปีแรกในทุกกลุ่มธุรกิจไว้ได้ แม้ว่าสถานการณ์พลังงานโลกและสภาพอากาศมีความผันผวน ซึ่งล้วนส่งผลต่อแนวนโยบายในแต่ละประเทศ รวมทั้งแนวโน้มในอุปสงค์และอุปทานของการใช้พลังงาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญอีกครั้งจากการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าข้างเคียงโรงไฟฟ้า Temple I ที่มีอยู่เดิม และเป็นสินทรัพย์ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วและสร้างกระแสเงินสดได้ทันที สามารถต่อยอดและผนึกกำลังร่วมกับโรงไฟฟ้า Temple I เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจในสหรัฐฯ ผนวกกับการยกระดับความยั่งยืนในกระบวนการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) มาใช้ โดยดำเนินการครอบคลุมแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโกลด์จาก IES TrustWell จาก Project Canary ในฐานะแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความรับผิดชอบ (Responsibly Sourced Gas)”
ด้านกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง ยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดที่ดีและมั่นคง ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เผชิญกับสภาวะราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงเนื่องจากปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองในสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทเน้นบริหารจัดการเงินทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด เพื่อให้คงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีในไทยและโรงไฟฟ้าเอชพีซีในลาว ยังคงสามารถรักษาค่าความพร้อมจ่าย (EAF) ไว้ได้ในระดับสูง ขณะที่ในไตรมาส 2/66 โรงไฟฟ้า Temple I ในสหรัฐฯ ก็สร้างผลกำไรจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในรัฐเท็กซัสที่ส่งผลต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ต่างมีผลการดำเนินงานที่ดีจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและค่าความเข้มของแสงที่สูง นอกจากนั้น โรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ในเวียดนามยังสร้างแล้วเสร็จและผ่านกระบวนการทดสอบการทำงานของโรงไฟฟ้า (Commissioning) เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างยื่นเอกสารเพื่อขอเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์จากทางการเวียดนาม
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) มีการเติบโตต่อเนื่องสอดรับกับนโยบายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษของภาครัฐ (Zero Emission Vehicle: ZEV) พร้อมช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ บริษัทฯ เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในดูราเพาเวอร์ (Durapower) เป็น 65.10% เพื่อต่อยอดธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานในอนาคต ตั้งเป้ากำลังการผลิตเป็น 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง ในปีหน้า
ส่วนของธุรกิจซื้อขายพลังงานไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้าในภาคธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดกลางกว่า 500 ราย ในครึ่งปีแรกของปี 66 เป็นจำนวนรวม 268 กิกะวัตต์ชั่วโมง สำหรับในประเทศไทย บริษัทฯ ยังนำเสนอโซลูชันพลังงานที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนมาโชว์เคสในโครงการ Infinite Cafe Powered by Banpu NEXT ป๊อบอัพคาเฟ่ที่ใช้พลังงานสะอาดแบบครบวงจร ผ่านระบบผลิตไฟฟ้าแบบ Off-Grid ที่มีระบบโซลาร์พร้อมแบตเตอรี่กักเก็บไฟฟ้า เพื่อขยายสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดย่อม ในขณะที่บริษัทร่วมทุนของบริษัทฯ ได้ชนะการประมูลโครงการจัดทำระบบความเย็นให้แก่อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อีกด้วย
“บ้านปูยังคงเดินหน้าต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้จัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามแนวปฏิบัติของมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ (TCFD: Task Force on Climate-related Financial Disclosures) ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชนและแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม ตอกย้ำเป้าหมายในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG ที่เรายึดถือมาโดยตลอดนับตั้งแต่ตั้งต้นธุรกิจ นับจากนี้บ้านปูกำลังเดินหน้าสู่ทศวรรษต่อไป ควบคู่ไปกับการขยายการลงทุนตามกลยุทธ์ Greener & Smarter มุ่งนำเสนอโซลูชันด้านพลังงานที่ดีที่สุดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการพลังงานแห่งโลกอนาคต พร้อมขับเคลื่อนไปอีกขั้นสู่การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนอย่างยั่งยืน (Power a Better Living for All)” นางสมฤดี กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 66)
Tags: BANPU, บ้านปู, สมฤดี ชัยมงคล