นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นคำร้องต่อประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่ออุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ให้ยุติเรื่องกรณีที่ตนได้ร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ว่าเข้าข่ายเป็นการยินยอมให้บุคคลซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาชี้นำครอบงำการดำเนินกิจการของพรรค และเป็นเหตุให้ต้องถูกยุบพรรคตามมาตรา 28 มาตรา29 ประกอบมาตรา 92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จากเหตุที่ น.ส.แพทองธาร บินไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฮ่องกง อีกทั้งไปปราศรัยที่ จ.อุดรธานี ว่าจะพานายทักษิณ กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน และข้อความ “พรุ่งนี้ เพื่อไทย” ที่คล้ายลายมือของนายทักษิณ
เนื่องจากเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ฉบับที่ 2 มาตรา 132 มาตรา 136 มาตรา 137 ได้ระบุไว้เกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องร้องทุจริต โดยใช้คำว่า “หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” เท่านั้น ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตนได้ยื่นให้ กกต.พิจารณาทั้ง 3 ประเด็น ทั้งการที่น.ส.แพทองธาร มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลับเดินทางไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง ตนเห็นว่าเพียงพอให้ กกต.พิจารณา
“จึงอยากให้ประธาน กกต.ได้พิจารณาหลักฐาน รวมถึงความเห็นต่างๆ ของนายทะเบียน ว่ามีการเชิญน.ส.แพทองธาร มาให้ถ้อยคำจริงหรือไม่ และพิสูจน์ว่าข้อความ “พรุ่งนี้ เพื่อไทย” ไม่ใช่ลายมือของนายทักษิณ จริงหรือไม่” นายสนธิญา กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้เปิดเผยจำนวนเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง สส. เนื่องจากวันที่ 14 ส.ค.จะครบ 3 เดือนที่ กกต.มีมติประกาศรับรอง สส. 500 คน ซึ่งขณะนั้นมีรายงานว่ามี สส.ที่ได้รับเลือกตั้ง 71-100 คน มีเรื่องร้องทุจริต ดังนั้นจึงต้องการให้ กกต.เปิดเผยว่าเรื่องทุจริตดังกล่าวนั้น มีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ อย่างไร
เพราะหาก กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่าคนเหล่านั้นมีการกระทำทุจริตจริง และต้องสั่งเพิกถอนสิทธิและเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะกระทบต่อจำนวนเสียง สส.ที่พรรคการเมืองนำไปสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลได้ หรือหากจัดตั้งรัฐบาลไปแล้ว กกต.มีการดำเนินการกับผู้ที่ทุจริตในภายหลัง ก็จะอาจทำให้เสียงในรัฐบาลลดลง ทำให้รัฐบาลมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพได้
นายสนธิญา กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังต้องการทวงถามกรณีที่เคยยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบว่า การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้งสส. เนื่องจากถือหุ้น บมจ.ไอทีวี และ กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ สส.ของนายพิธา แล้วนั้น จึงต้องการทราบว่า กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพ สส.ของนายพิธา สิ้นสุดตั้งแต่เมื่อใด ใช่ในปี 2562 หรือไม่
เพราะหากสิ้นสุดไปก่อน จะมีผลให้การที่นายพิธา ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งเซ็นรับรองส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคก้าวไกลทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะไปด้วยหรือไม่ โดยประเด็นนี้ จะมีผลไปถึงคุณสมบัติของ สส.ก้าวไกลทั้ง 151 คน และอาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ซึ่งต้องนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เบื้องต้นอยากให้ กกต.ชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 66)
Tags: กกต., การเมือง, ทักษิณ ชินวัตร, พรรคเพื่อไทย, สนธิญา สวัสดี, อุ๊งอิ๊ง, แพทองธาร ชินวัตร