EXIM BANK โชว์กำไร H1/66 โต 20% ปล่อยสินเชื่อใหม่ทะลุ 2 หมื่นลบ.

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 20,068 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 5,869 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 161,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,708 ล้านบาท หรือ 5.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

มียอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการลงทุน 117,133 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นยอดคงค้างสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 45,544 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28.25% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด เพิ่มขึ้น 4.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน โลจิสติกส์ และภาคอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy)

สำหรับการพาธุรกิจไทยขยายการค้าการลงทุนไปตลาดต่างประเทศ ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 EXIM BANK มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 60,464 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี 2566 มีสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers 49,435 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30.66% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด

นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก EXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย ผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 96,409 ล้านบาท

การมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งด้านสินเชื่อและประกันของ EXIM BANK ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 มีจำนวนลูกค้า 6,260 ราย เพิ่มขึ้นถึง 14.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs มากถึง 84.07% สะท้อนการให้ความสำคัญและอยู่เคียงข้าง SMEs ไม่ทิ้งคนตัวเล็ก ดูแลช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกยุคใหม่ ภายใต้มาตรฐานการค้าโลกที่สูงขึ้น

สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 5,861 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 เท่ากับ 3.64% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 13,509 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 230.47% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 EXIM BANK มีกำไรก่อนสำรอง 1,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรักษ์ กล่าวว่า ในครึ่งหลังของปี 2566 EXIM BANK ยังคงขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการมุ่งเสริมสร้างธุรกิจ ESG อย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงตามความต้องการ เช่น สินเชื่อ EXIM Green Start กระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ยกระดับธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ร่วมบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและพลิกโฉมภาคการส่งออกไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน

โดย EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินที่เริ่มนำวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของร่าง Thailand Taxonomy มาปรับใช้ในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศ อีกทั้งยังมุ่งมั่นเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและเครื่องมือ/นวัตกรรมทางการเงินอย่างครบวงจร (Total Solution) ตอกย้ำบทบาท Green Development Bank มุ่งยกระดับศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top