SCM รุกขยายฐานลูกค้าใหม่-อัพยอดสมาชิก ร่วมทุนโดรนเกษตรสร้าง New S-Curve

นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนงานที่จะขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ๆ โดยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาชิกและผู้บริโภคเดิมของบริษัท รวมถึงทำการวิจัยตลาดเพื่อหาโอกาสสร้างฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ด้วยการออกสินค้าใหม่ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพการใช้งานและดีไซน์ที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า รวมถึงมีราคาในระดับที่แข่งขันกับสินค้าใกล้เคียงในท้องตลาดได้

โดยบริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานสมาชิกด้วยกลยุทธ์ที่วางไว้เป็นสมการ XYZ โดยที่ X คือ การเพิ่มฐาน Member ให้มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ Y คือ คุณภาพของสมาชิกต้อง Active หรือมีความต่อในการซื้อสินค้า ส่วน Z คือ ยอด Order Size ที่สมาชิกแต่ละคนซื้อต่อครั้ง จะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้น

โดยปัจจุบันซัคเซสมอร์มีสมาชิกทั้งหมดประมาณ 180,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกในประเทศไทย 130,000 คน และสมาชิกในต่างประเทศอีกราวๆ 50,000 คน และวางเป้าขยายฐานสมาชิกในประเทศไทยให้แตะระดับ 180,000 ราย ซึ่งหากรวมสมาชิกที่อยู่ในต่างประเทศที่ตั้งเป้าว่าจะขยายไปสู่ 70,000 ราย จะส่งผลทำให้ฐานสมาชิกรวมขยายไปแตะระดับ 250,000 ราย ในปีนี้

นายนพกฤษฏิ์ กล่าวเพิ่มว่า เพื่อผลักดันให้ SCM เป็นบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาทไปแล้วนั้น บริษัทฯ ได้ตั้งทีมพัฒนาธุรกิจเพื่อเร่งศึกษาโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจให้กับ SCM หรือธุรกิจที่เป็น New S – Curve

โดยได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ให้ SCM เข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในบริษัท พาวเวอร์ อโกรเทค (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทำธุรกิจครบวงจรเกี่ยวกับโดรนเพื่อการเกษตร ทั้งตัวแทนจำหน่ายโดรน, รับบริการฉีดพ่นด้วยโดรน, รับฝึกอบรมการใช้โดรน, รวมไปถึงการเป็นตัวแทนประกันภัยโดรน และมีโครงการที่จะจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมโดรนในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย

บริษัทมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเดิมที่มีฐานสมาชิกซึ่งเป็นเกษตรกรและใช้งานผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในรูปแบบน้ำและต้องใช้การฉีดพ่นอยู่แล้ว ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวกับโดรน ของพาวเวอร์ อโกรเทค จะช่วยสร้างการเติบโตในแง่ที่ SCM เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้น และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้มแข็ง โดยการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้ SCM ใช้เงินลงทุนจากสภาพคล่องที่บริษัทฯ มีอยู่แล้ว และหากผลการดำเนินงานของพาวเวอร์ อโกรเทค เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ บริษัทฯ มีแผนที่จะพิจารณาลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต เป็นลำดับถัดไป

นายแพทย์ สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร SCM เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ด้วยจุดมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการเติบโตในระยะยาว บริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะต้อง Diversify ธุรกิจ นอกเหนือจากธุรกิจเครือข่ายที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไปสู่ธุรกิจใหม่ที่ต่อยอดเป็น New S-Curve ให้บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยการลงทุนใน พาวเวอร์ อโกรเทค ในครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจให้กับ SCM และจะทำให้ SCM มีโอกาสทางการตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตรได้อย่างแน่นอน

พร้อมกันนี้ การบุกขยายไปในตลาดต่างประเทศก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่บริษัทให้ความสำคัญเช่นกัน โดยบริษัทฯ กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อจะขยายตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากที่ในปัจจุบัน SCM มีตัวแทนจำหน่ายฯ แล้วใน 7 ประเทศ ได้แก่ เมียนมาร์, ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์

นายแพทย์ สิทธวีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา SCM ได้เข้าไปมีส่วนในการเติมเต็มชีวิตประจำวันของผู้บริโภค และยังคงเดินหน้าเพื่อยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามปณิธานองค์กรคือ “Inspiration for Your Being” ดังนั้น SCM จะไม่หยุดคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพสูงตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ ล่าสุดบริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “Nutrinal Sweet Night” ตัวช่วยเพื่อการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ, สบู่ก้อนทำความสะอาดผิวกาย “Body Cheer Body Soap” ที่มีประสิทธิภาพยับยั้งกลิ่นกาย แต่ราคาสบายกระเป๋า รวมถึงแป้งและรองพื้นแบรนด์ S Mone ที่ปกป้องแสง UV ติดทานนาน และมีราคาแข่งขันได้เมื่อเทียบกับสินค้าในท้องตลาด ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากสมาชิกและผู้บริโภคของบริษัท และนอกจากสินค้าที่มีคุณภาพสูงแล้ว จุดเด่นของ SCM ยังเป็นเรื่องของความมั่นคงทางการเงิน และแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ตอบโจทย์นักธุรกิจเครือข่าย จึงมั่นใจได้ว่า SCM จะเติบโตต่อเนื่อง พร้อมที่พัฒนาสินค้าคุณภาพสูงให้กับผู้บริโภค และพร้อมเป็นแรงบันดาลใจเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนอย่างมั่นคง

สำหรับผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 2/66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 253.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 25.5 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 27.5% เมื่อเทียบกับกำไรในไตรมาสแรกของปี โดยสินค้าที่มียอดขายสูงสุด 2 กลุ่มแรกของบริษัท ยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร ตามลำดับ

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรแบรนด์ Growing More เพิ่งได้รับรางวัล “ผลิตภัณฑ์เพื่อเกษตรกรยอดเยี่ยม” ทำให้ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากเกษตร โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ มีแผนงานบุกตลาดเกษตรกรทั่วประเทศ เพื่อสร้างยอดขายสินค้าในกลุ่มนี้ให้เติบต่อเนื่อง ด้วยการใช้กลยุทธ์คาราวานแบบออฟไลน์ผสานกับดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top