นักลงทุนต่างชาติหันมาเทขายหุ้นในตลาดหุ้นอินเดียเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 15 สัปดาห์ หลังจากที่เข้าซื้ออย่างต่อเนื่องและช่วยหนุนดัชนีตลาดหุ้นอินเดียพุ่งทำนิวไฮในเดือนก.ค.
ข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นอินเดียมูลค่าทั้งสิ้น 238.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเทขายรายสัปดาห์ครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับการเทขายอย่างหนัก อันเนื่องมาจากฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันที่ 1 ส.ค. โดยระบุถึงสถานะการคลังของสหรัฐที่มีแนวโน้มถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า และภาระหนี้สินที่สูงขึ้น
ในช่วงกลางเดือนก.ค. ดัชนี Sensex ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปรับตัวขึ้นกว่า 17% จากระดับต่ำสุดในเดือนมี.ค.
นายอับเฮย์ อัครวาล ผู้จัดการกองทุนและผู้ก่อตั้งบริษัทไพเพอร์ เซริกา แอดไวเซอร์ส (Piper Serica Advisors.) กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างชาติแห่ซื้อหุ้นบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางในตลาดหุ้นอินเดีย แต่ได้พากันเทขายทำกำไรในสัปดาห์ที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ การที่ฟิทช์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว และสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลสหรัฐ โดยฟิทช์ให้เหตุผลว่าภาวะชะงักงันทางการเมืองส่งผลให้หนี้สินของสหรัฐพุ่งชนเพดานครั้งแล้วครั้งเล่า และส่วนใหญ่จะรอดพ้นการผิดนัดชำระหนี้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นในด้านการบริหารการคลัง
ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐออกมาตอบโต้ว่า เธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ฟิทช์ทำเช่นนั้น โดยระบุว่าการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเป็นการกระทำตามอำเภอใจ และอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ล้าหลัง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)
Tags: ตลาดหุ้นอินเดีย, นักลงทุนต่างชาติ