นายวาริช มีเหมือน ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า บริษัทจะเร่งเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะหากสถานการณ์เศษฐกิจฟื้นตัวจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ทำรายได้จากขายอสังหาริมทรัพย์ราว 3,323.96 ล้านบาท ลดลง 26.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป้าหมายรายได้รวมทั้งปีที่ 9 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 87.10 ล้านบาท ลดลง 40.92% YoY ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากธุรกิจอสังหาฯซึ่งมีจำนวน 1,172.82 ล้านบาท ลดลง 23.81% YoY เนื่องจากบริษัทยังไม่มีโครงการที่รอส่งมอบ อย่างไรก็ตาม ณ สิ้นไตรมาส บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 2,750 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/66 ไปจนถึงปี 67
นายวาริช กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขาย 5,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งคิดเป็น 42% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 13,000 ล้านบาท ขณะที่แผนครึ่งปีหลังเบื้องต้นจะมีการเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 5.6 พันล้านบาท โดยไตรมาส 3/66 จะเปิดโครงการทั้งคอนโดมีเนียมและบ้านพักอาศัยมูลค่ารวมมากกว่า 4,000 ล้านบาท
บริษัทจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมเอิร์น บาย แอล.พี.เอ็น. ในชลบุรี ซึ่งเป็นการเปิดตัวโครงการนอกเหนือจากเขตกรุงเทพและปริมณฑลครั้งแรกในรอบหลายปี มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท และทยอยเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยเฮ้าส์ 24 ทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการราว 3,560 ล้านบาท เริ่มทยอยตั้งแต่ไตรมาส 3/66 เป็นต้นไป
ส่วนโครงการที่กำหนดส่งมอบต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ในช่วงไตรมาส 3/66 ประกอบด้วย โครงการ เมซอง 168 เมืองทอง เริ่มส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/66 ที่ผ่านมา , โครงการ วิลล่า168 เวสต์เกต และ โครงการเรสซิเดนซ์ 168 ราชพฤกษ์
นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียมที่จะส่งมอบใหม่ ได้แก่ โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ เอกชัย 48 ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปแล้ว 20-25% และมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 500 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/66 และจะทำรายได้ให้กับบริษัทไปจนถึงปีหน้าด้วย
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ปัจจัยแรกที่ต้องติดตามเป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ถ้าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/66 ในงบประมาณใหม่ก็จะเป็นผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ กระตุ้นยอดขายและทำให้การเข้าถึงสินเชื่อของลูกค้าง่ายขึ้น
ขณะที่ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมตลาดอสังหาฯค่อนข้างชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปที่ 2.25% ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าระดับกลา ทำให้อัตราการผ่อนของลูกค้ายากขึ้น รวมทั้งการยกเลิกการผ่อนคลายมาตรการ LTV (Loan to Value) ทำให้ธนาคารต่าง ๆ เข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น และภาระหนี้ครัวเรือนที่แตะระดับ 90% ก็มีผลมากเช่นเดียวกัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 66)
Tags: LPN, วาริช มีเหมือน, หุ้นไทย, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์