นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวภายหลังยื่นหนังสือต่อนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง ได้กล่าวอ้างว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบให้เป็นนายกฯ อาจมีลักษณะไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญว่าด้วยมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ กรณีการซื้อที่ดินแปลงหนึ่งตามที่ปรากฏตามข่าว
นายเรืองไกร กล่าวว่า หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่โดยตรงคือ กมธ. แต่เนื่องจากในส่วนของสภาผู้แทนราษฎรยังไม่มี จึงมายื่นต่อ กมธ.วุฒิสภา ให้ทำหน้าที่แทน ซึ่งข้อเท็จจริงที่ต้องเสาะหาตามอำนาจของ กมธ. คือ หากว่าที่นายกรัฐมนตรีมีข้อกล่าวอ้างเช่นนี้ ควรจะตรวจสอบ ดังนี้
1.ขอเอกสารจากนายชูวิทย์
2.ขอเอกสารจาก บมจ.แสนสิริ (SIRI) เกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลงนี้ทั้งหมด
3.เชิญเจ้าหน้าที่กรมที่ดินที่รับจดนิติกรรม และเชิญเจ้ากรมสรรพากรมาให้ความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการวางแผนภาษี หลบเลี่ยงภาษี หรือเป็นการหนีภาษีหรือไม่
ขณะเดียวกันยังต้องเชิญทางผู้ขายมาให้ข้อมูลด้วย ต้องฟังความให้ครบหมด และได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้าน ในเวลาที่เหลืออีก 10 กว่าวัน
ด้านนายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า กรณีนี้จะนำไปเสนอต่อ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ และ กมธ.คณะอื่นๆ ของ สว. รวมถึงที่ประชุมรัฐสภาต่อไป พร้อมย้ำว่า สว.มีหน้าที่โดยตรงที่จะใช้วิจารณญาณในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งในบรรทัดฐานของการทำหน้าที่คัดเลือกผู้นำองค์กรคนสำคัญ ทั้งศาลและองค์กรอิสระ รวมทั้งนายกรัฐมนตรี เราคำนึงถึงจริยธรรม ความประพฤติ ความซื่อสัตย์สุจริต ประกอบกับคุณสมบัติต่างๆ ที่ปรากฏไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย โดยจะรวบรวมข้อเท็จจริง และเชิญผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ส.ค. 66)
Tags: การเมือง, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคเพื่อไทย, เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ, เศรษฐา ทวีสิน, โหวตนายก