นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศผลการหารือกับพรรคก้าวไกล และต่อสายคุยกับอีก 6 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิมในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อแจ้งว่า พรรคเพื่อไทย ขอเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่ไม่มีพรรคก้าวไกล เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องการแก้ไข ม.112 ที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคไม่สำเร็จ
พรรคเพื่อไทยจะเจรจากับพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งประกาศนโยบายสำคัญของรัฐบาลใหม่ คือการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเกิดความยุ่งยาก ด้วยการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำประชามติให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งหลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว พรรคเพื่อไทยจะคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการจัดการเลือกตั้งใหม่ทันที
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะได้ข้อสรุปในวันพรุ่งนี้
สำหรับแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย “เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ” ระบุว่า เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้ง 8 พรรคมีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศและไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้
ดังนั้น ที่ประชุม 8 พรรคร่วม จึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม และสมาชิกวุฒิสภาได้
เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก ส.ว. และ ส.ส. โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี
ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทย ได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกันและ เดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐา ขอยืนยันชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนในภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
1.ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จรัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2. นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อประชาชน มีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ฯลฯ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากมีการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกลได้มีแจ้งข้อสรุปให้กับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลอีก 6 พรรคว่า 1.พรรคเพื่อไทยแจ้งเหตุผลและความจำเป็นการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล 2.ได้แจ้งพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เป็นดุลพินิจของแต่ละพรรค หากแนวทางตรงกันก็ยินดีร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยมีบางพรรคตอบรับร่วมรัฐบาลต่อ แต่บางพรรคก็ยังไม่แสดงท่าที 3.มีการแจ้งเพื่อทราบเรื่องการโหวตของพรรคก้าวไกล เป็นเอกสิทธิของพรรคก้าวไกลเอง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 66)
Tags: MOU, จัดตั้งรัฐบาล, ชลน่าน ศรีแก้ว, พรรคการเมือง, พรรคก้าวไกล, พรรคเพื่อไทย, เศรษฐา ทวีสิน, แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี