บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์ลงทุน ระบุว่า ในเดือน ส.ค.นี้คาดหวังดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) วิ่งไปต่อ รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะวัฏจักรของดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ อีกทั้งความความกังวลเศรษฐกิจ Recession ลดลง และจีนพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ส่วนปัจจัยภายในประเทศ มองว่าการเมืองพ้นจุดที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว กำไรงวด Q2/66 คาดว่าจะลดลงแต่จะกลับมาฟื้นชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง ทุกๆ ปัจจัยสนับสนุนให้ Fund Flow และสภาพคล่องกลับมาหนุนไทยมากขึ้น
สำหรับหุ้นเด่นเดือนนี้แนะนำ ERW, SCGP, GPSC, CK, SIRI, PLANB และ SNNP
ในเดือน ส.ค. 66 หวังว่า SET Index จะได้แรงหนุนจากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในประเทศ ดังนี้ ปัจจัยภายนอก 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 67
2) ความกังวลเศรษฐกิจโลกเผชิญ Recession ลดลงหลังจาก IMF ปรับคาดการณ์ GDP โลกปี 66 ขึ้นจาก 2.8% เป็น 3%
3) จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ถือว่าดีต่อเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าการกับไทยมากสุดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 22% ของมูลค่ารวมทั้งโลก
ปัจจัยภายในประเทศ 1) การเมืองพ้นจุดที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 2 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี
2) เป็นช่วงการรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนงวด Q2/66 ฝ่ายวิจัยคาดว่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY แต่ในช่วงที่เหลือของปีคาดจะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้น จากฐานกำไรที่ต่ำ H2/65 ที่ต่ำเพียง 4.04 แสนล้านบาท จากปกติอยู่ในโซน 4.5-5 แสนล้านบาท พร้อมกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจากรัฐบาลใหม่
ในส่วนของ Fund Flow แรงกดดันจากประเด็นการเมืองร้อนแรง และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้งในปีนี้ จาก 1.25% เป็น 2% น่าจะค่อยๆ ลดน้อยลงส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติมีโอกาสสลับเข้ามาซื้อสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม หลังจากผ่านช่วงสุญญากาศทางการเมือง
ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน Valuation ด้วยวิธี Marketing Earning Yield Gap (MEYG) แบบอนุรักษ์นิยม จะได้รับแนวทางพื้นฐานอยู่ที่ 1,480 จุด แต่ถ้าลดระดับดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 2% จะได้แนวต้านพื้นฐานที่ 1,542 จุด แต่ถ้าสภาพคล่องกลับมา รวมถึงต่างชาติสลับเข้ามาซื้อสุทธิ (MEYG ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 3.7%) หนุนให้แนวต้านพื้นฐานขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,610 จุด
กลยุทธ์ลงทุนเดือนส.ค. แนะนำหุ้น 3 ธีม 1) หุ้น CHINA PLAY คือ ERW, SCGP 2) หุ้น ELECTION PLAY คือ GPSC, CK, SIRI 3) หุ้น EARNING MOMENTUM PLAY คือ PLANB, SNNP
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 66)
Tags: SET Index, ดัชนีตลาดหุ้นไทย, ตลาดหุ้นไทย, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, เอเซีย พลัส