ผลสำรวจบีจีไอ จีโนมิกส์ เผยสาวไทย 61.6% ไม่ตรวจแปปเสมียร์ เหตุอายหมอ

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลเผยว่า ผู้หญิงไทยเพียง 28.5% ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1 ซึ่งเป็นระยะที่มีอัตราการรอดชีวิตสูงสุด ดังนั้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการต่อสู้กับมะเร็งปากมดลูก บริษัท บีจีไอ จีโนมิกส์ (BGI Genomics) ได้เผยแพร่รายงานความตระหนักรู้มะเร็งปากมดลูกในประเทศไทย (State of Cervical Cancer Awareness Report in Thailand)

รายงานฉบับนี้ได้ประเมินระดับความรู้ ทัศนคติ และแนวปฏิบัติในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการฉีดวัคซีน HPV เพื่อแสดงให้เห็นถึงอุปสรรคและโอกาสที่เกี่ยวข้อง โดยสำรวจผู้หญิง 1,878 คน จาก 6 ประเทศและภูมิภาค ได้แก่ บราซิล จีนแผ่นดินใหญ่ ซาอุดีอาระเบีย เซอร์เบีย ไทย และอุรุกวัย

ผลสำรวจพบว่า มีหญิงไทยเพียง 18.8% ที่ไม่เคยผ่านการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อน นับว่าดีที่สุดใน 6 ประเทศที่มีการสำรวจ และดีกว่าค่าเฉลี่ยในการสำรวจครั้งนี้ซึ่งอยู่ที่ 31.2% อย่างมาก

อย่างไรก็ตาม 61.6% ของหญิงไทยอายุ 21-25 ปี กลับไม่เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เพราะไม่อยากให้แพทย์ผู้ชายทำการตรวจแปปสเมียร์ ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับสองในการสำรวจครั้งนี้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องนำเสนอทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการตรวจแปปสเมียร์ให้กับผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงสาว นั่นคือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA

ความตระหนักรู้เกี่ยวกับเชื้อ HPV ส่งผลต่ออัตราการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก: ในกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ทราบว่ามะเร็งปากมดลูกมักเกิดจากเชื้อ HPV นั้น พบว่า 39.1% ไม่เคยตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 31.2%

การฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในกลุ่มผู้หญิงที่ได้รับวัคซีน HPV นั้น 82.1% เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยเช่นกัน ส่วนในกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนนั้น มีเพียง 60.6% ที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง ขณะเดียวกัน ในกลุ่มผู้หญิงที่ผ่านการตรวจคัดกรองนั้น 45.8% ได้รับวัคซีน HPV ด้วยเช่นกัน ส่วนในกลุ่มที่ไม่ได้ตรวจคัดกรองนั้น มีเพียง 22.1% ที่ได้รับวัคซีน ดังนั้น การแจ้งให้ผู้หญิงทราบถึงสถานที่และเวลาที่สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองได้นั้นจึงมีความสำคัญ

จาง หลิน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท บีจีไอ จีโนมิกส์ กล่าวว่า การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่เนิ่น ๆ มีความสำคัญต่อการช่วยชีวิตและกำจัดโรคที่น่ากลัวนี้ให้หมดไปในที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระดับโลกขององค์การอนามัยโลก การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การเพิ่มความตระหนักรู้ของผู้หญิงอาจเป็นจุดเชื่อมโยงที่ขาดหายไปในการเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนและการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top