DELTA ปรับตัวขึ้น 8.68% หรือเพิ่มขึ้น 9.50 บาท มาที่ 119.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 872.03 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.08 น. จากราคาเปิด 111.00 บาท ราคาสูงสุด 119.00 บาท ราคาต่ำสุด 111.00 บาท
KCE ปรับตัวขึ้น 5.66% หรือเพิ่มขึ้น 2.25 บาท มาที่ 42.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 351.86 ล้านบาท
HANA ปรับตัวขึ้น 2.01% หรือเพิ่มขึ้น 1.00 บาท มาที่ 50.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 178.25 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 4.7 พันล้านบาท +29% q-q, +10% y-y หากไม่รวมกำไรจาก FX จะมีกำไรปกติ 4.4 พันล้านบาท +28% q-q, +13% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 11-18% และเป็น record high จากการเติบโตของรายได้ทุกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไฟฟ้า โดยเฉพาะ EV power ขณะที่ความต้องการใช้ AI application ที่สูงหนุนรายได้ data center
ส่วน gross margin ไตรมาส 2/66 เพิ่มขึ้นมาที่ 23.4% จาก 20.8% ในไตรมาส 1/66 แต่ลดลงจาก 25.1% ในไตรมาส 2/65 จากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กำไร H1/66 คิดเป็น 45% ของประมาณการกำไรทั้งปี และคาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 จะยังขยายตัวต่อเนื่องเพราะเป็นช่วง high season ของธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบัน Overvalued เพราะเทรด P/E สูงถึง 78 เท่า ของปี 66 และ 72 เท่าของปี 67
บล.พาย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรไตรมาส 2/23 ของ บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) คาดว่าจะปรับดีขึ้นจากบาทอ่อน โดยคาดกำไรปกติไตรมาส 2/23 ที่ราว 507 ล้านบาท (-11% YoY, +47% QoQ) การเติบโต QoQ ได้แรงหนุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) เป็นใจ ส่วนที่ลดลง YoY เป็นเพราะอุปสงค์ชะลอตัว
ขณะที่ยอดขายไตรมาส 2/66 ในสกุลเงินดอลลาร์ฯ จะ -12% YoY, ทรงตัว QoQ ตัวเลขการส่งออก PCBs ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาทรงตัวในเดือน เม.ย. และ พ.ค.66 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/66 สวนทางกับยอดขายกลุ่มยานยนต์โลกในไตรมาส 2/66 ชี้เป็นนัยว่ากลุ่มผู้ผลิตได้ใช้ PCB ในสต็อกมากกว่าสั่งซื้อเพิ่ม (ระยะเวลาจัดส่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ยังค่อนข้างนาน เพราะสภาวะขาดแคลนอุปทานสำคัญที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง)
ประเมินอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในไตรมาส 2/23 จะโต 3.3 ppts QoQ เป็น 22.9% จาก FX เงินดอลลาร์ฯ/บาทที่เป็นใจมากขึ้น ทั้งนี้ GPM ในไตรมาส 1/66 หดตัวลงเพราะมีการซื้อวัตถุดิบเข้ามาตอนที่บาทอ่อนในไตรมาส 4/65 แต่ขายสินค้าออกไปในช่วงที่บาทแข็งต้นไตรมาส 1/66 หากอิงสมมติฐาน FX ที่ราว 34.8 บาท เราเชื่อว่า GPM จะฟื้นตัวขึ้นได้ (ประมาณการ GPM ทั้งปี 66 ของเราอยู่ที่ 21.2%)
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 56.40 บาท แม้ KCE อาจเผชิญปัจจัยกดดันระยะสั้นจากความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอยในตลาดตะวันตก แต่ศักยภาพในระยะยาวยังสดใสอยู่ โรงงานโรจนะแห่งใหม่ก็ดำเนินไปตามแผนการอย่างราบรื่น และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายในครึ่งหลังปี 67-68 ซึ่งจะช่วยหนุนกำลังการผลิต PCB ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่ทั่วโลกเริ่มใช้รถ EV กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น (สัดส่วนยอดขายราว 70% มาจากกลุ่มยานยนต์)
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า Samsung ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่าอุปสงค์ชิปทั่วโลกจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สอดคล้องล่าสุด Huawei บริษัทเทคโนโลยีจีนตั้งเป้าจะกลับมาผลิตชิปมือถือ 5G อีกครั้งภายในปีนี้ และ INTEL รายงานกำไรดีกว่าคาด และให้ความเห็นตลาดชิปและ PC ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หนุนภาพวงจรส่งออกชิ้นส่วนฯ ที่เรามองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว บวกต่อ HANA , KCE
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 66)
Tags: DELTA, KCE, หุ้นไทย, อิเล็กทรอนิกส์