จีนไล่ลบชื่อ “ฉิน กัง” หลังถูกปลดฟ้าผ่าตกเก้าอี้รมว.ต่างประเทศ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทั่วโลกต่างเฝ้าจับตามองการเจรจาระหว่างนายฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนกับนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ณ กรุงปักกิ่งเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นเจรจาระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจที่มีความสำคัญอย่างสูง

แต่ใครก็ตามที่กำลังมองหาภาพเหตุการณ์สำคัญดังกล่าวบนเว็บไซต์ของกระทรวงต่างประเทศจีนคงจะต้องผิดหวัง เนื่องจากจีนได้ดำเนินการลบภาพการประชุมครั้งนั้น รวมถึงกิจกรรมทั้งหมดของนายฉินในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

รายงานระบุว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (25 ก.ค.) นายฉินถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ โดยนายหวัง อี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดด้านการต่างประเทศของจีน และเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศจีน เข้ามารับตำแหน่งแทนนายฉิน

การสั่งปลดดังกล่าว ซึ่งได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานระดับสูงในรัฐสภาจีน มีขี้นหลังเกิดคำถามและการคาดเดาเกี่ยวกับชะตากรรมของนายฉิน เนื่องจากเขาหายหน้าจากสาธารณชนไปเป็นเวลาหลายสัปดาห์ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน

นอกจากนี้ การสั่งปลดนายฉินจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอย่างกะทันหัน หลังดำรงตำแหน่งเพียง 6 เดือน และถูกแทนที่โดยนายหวัง ทำให้เรื่องซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยนายหวังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประมาณหนึ่งทศวรรษก่อนได้รับการเลื่อนตำแหน่งเมื่อปลายปีที่แล้ว

ในขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่านายฉินอยู่ที่ใด รวมถึงเหตุผลที่ถูกสั่งปลดจากตำแหน่ง และชะตากรรมของเขาในฐานะสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน

อย่างไรก็ดี ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เป็นเรื่องปกติที่ทางการจีนจะไม่ตอบคำถามใด ๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ ซึ่งระบบการเมืองจีนเป็นที่เลื่องลือว่าคลุมเครือ และยิ่งคลุมเครือมากขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อาวุโสหลายรายของจีนได้หายหน้าไปจากสาธารณชนในช่วงที่ผ่านมา แต่หลายเดือนต่อมาก็มีการประกาศจากทางการว่าพวกเขาถูกสอบสวนทางวินัยอย่างลับ ๆ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เกี่ยวกับนายฉินในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ทำให้ระบบการเมืองของจีนเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก เนื่องจากนายฉินเองเป็นคนสนิทของปธน.สี รวมถึงเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของจีนในฐานะตัวแทนด้านนโยบายต่างประเทศของจีนและอดีตเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top