สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.ค.) ว่า ครอบครัวคนผิวดำในสหรัฐมักประสบปัญหาเกี่ยวกับการให้ตำรวจติดตามคดีคนหาย โดยตำรวจตามสืบคดีคนหายของประชากรกลุ่มนี้อย่างล่าช้า หรือสรุปคดีโดยทันทีว่าเป็น “การหลบหนี” ซึ่งสวนทางกับคดีการหายตัวของผู้หญิงและเด็กผิวขาวที่ได้รับการจัดการอย่างเร่งด่วนและเป็นที่สนใจระดับประเทศ
ตัวอย่างเช่นกรณีของเดวิด โรบินสัน ซึ่งแดเนียล ลูกชายของเขาหายตัวไปตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2564 ในเมืองบัคอาย รัฐแอริโซนา โดยโรบินสันกล่าวว่าตัวเขาและครอบครัวอื่น ๆ ต้องทนทรมานกับความเจ็บปวดอย่างมากกับการเฝ้ารอเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี ทว่ากลับไม่มีวี่แววที่จะพบเจอคนที่รักเสียที
โรบินสันเผยว่า เขาพยายามให้ตำรวจสอบสวนคดีของลูกชายอย่างละเอียดแล้ว ท้ายที่สุดจึงจัดทีมค้นหาด้วยตนเองเพื่อออกค้นหาหลักฐานและเบาะแสทั่วทุกแห่ง ซึ่งเขาตั้งข้อสงสัยว่าการหายตัวไปของแดเนียลอาจเชื่อมโยงกับอาชญากรรม
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐฯ เผยว่าคนผิวดำครองสัดส่วน 31% ของรายงานคนหาย ทว่าคนกลุ่มนี้มีจำนวนคิดเป็นเพียง 14% ของประชากรสหรัฐ ขณะที่คนผิวขาวครองสัดส่วน 54% ของรายงานดังกล่าว และมีจำนวนคิดเป็น 76% ของประชากรสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 66)
Tags: XINHUA, คนผิวดำ, สหรัฐ