บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) มองตลาดในสัปดาห์นี่ (24-28 ก.ค.66) ว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในสหรัฐและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยโดยแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่สาคัญอย่าง Retail Sales จะขยายตัวน้อยกว่าคาดแต่ตัวเลขภาคการจ้างงานบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งและชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความทนทาน (Resiliency) ซึ่งตลาดได้ตอบรับต่อปัจจัยดังกล่าวในเชิงบวกและเชื่อว่ามีโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างไม่รุนแรง (Soft Landing)
เมื่อพิจารณาเป็นรายกลุ่มพบว่าเกิดภาพ Sector Rotation โดยกลุ่ม Value และ Small Cap Outperformed กลุ่ม Growth และ Large Cap ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปรับน้ำหนักหุ้น Special Rebalance เพื่อลดน้าหนักหุ้นในกลุ่ม Mega Cap Tech ในดัชนี Nasdaq 100 ที่มีสัดส่วนสูงเกินไป
ทั้งนี้ เรามองว่าตัวเลข Retail Sales ที่แม้จะขยายตัวน้อยกว่าคาดแต่ถือว่าขยายตัวได้อยู่ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่กว่า 2 ใน 3 ขับเคลื่อนด้วยภาคบริการมีโอกาสชะลอตัวหรือหดตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งในอีกทางหนึ่งจะช่วยให้เงินเฟ้อปรับตัวลดลงได้ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันตัวเลขภาคการจ้างงานอย่าง Initi al Jobless Claims ที่ปรับตัวลดลงต่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนและสะท้อนให้เห็นว่าภาคการจ้างงานยังคงตึงตัวอยู่ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สอดคล้องกับมุมมองของเราที่เชื่อว่าเศรษฐกิจจะหดตัวแบบไม่รุนแรง (Mild Recession) ด้วยเหตุนี้เราเชื่อว่า FOMC จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้ง ในรอบการประชุมวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้เพื่อให้แน่ใจว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเพียงพอต่อการควบคุมเงินเฟ้อให้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและมีโอกาสสูงที่จะคงไว้ที่ระดับ 5.25% – 5.50 จนถึงสิ้นปี 2566
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันแม้ว่าตลาดจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นแต่ความเสี่ยงเรื่อง Recession ยังคงอยู่โดยเราแนะนาการลงทุนในหุ้น Growth Stock ที่มี Earnings Visibility ที่ดีและเป็น Secular Trend ทั้งนี้ให้จับตาการปรับฐานในกลุ่มหุ้น Robotics & AI ที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงการประกาศผลประกอบการหลังจากราคาที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงก่อนหน้านี้จะเป็นจุดเข้าลงทุนที่น่าสนใจ ในขณะที่กลุ่ม EV, ESG,Quality Growth มี Valuation ที่น่าสนใจกว่าสามารถทยอยเข้าลงทุนได้
ในขณะที่ระยะถัดไปตลาดจะค่อยๆ Priced In ไปยังวัฏจักรการฟื้นตัวเศรษฐกิจและเปิดโอกาสให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นในกลุ่มที่กว้างขึ้นได้ไปยังกลุ่มที่ Laggard และ Valuation ที่น่าสนใจ โดยแนะนำให้ลงทุนในกลุ่ม Mid Small Cap หรือ Cyclical Play
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ในระยะนี้เป็นจังหวะที่ตลาด Priced In อัตราเงินเฟ้อและการดาเนินนโยบายที่กาลังผ่านจุดสูงสุดด้วย Yield ที่ Pick Up ขึ้นมาจะเป็น Buffer ในการรองรับความผันผวนได้ดี รวมถึงโอกาสในการได้รับ Capital Gain จากแนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินที่กำลังเปลี่ยนผ่าน
เราแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพระดับ Investment Grade ขึ้นไปเพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยและอาจเริ่มพิจารณาเพิ่ม Duration มากขึ้นได้หลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเริ่มชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 66)
Tags: UOB, ตราสารหนี้, ตลาดหุ้น, บลจ.ยูโอบี, เศรษฐกิจสหรัฐ