“เศรษฐา” พร้อมรับมติพรรคเคาะชื่อโหวตนายกฯ ชี้ชัดแก้ ม.112 อุปสรรคสำคัญ

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมในการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตครั้งต่อไปว่า พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดทนายกฯ 3 คน วันนี้จึงเข้ามาหารือกับกรรมการบริหารพรรคถึงความชัดเจนว่าจะส่งชื่อใครให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาคัดเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค และตนเองพร้อมทำตามมติ

นายเศรษฐา กล่าวว่า องให้กรรมการบริหารประชุมและลงมติว่าจะเสนอใครเป็นนายกฯ ในครั้งหน้า แต่ยอมรับว่าจากการติดตามข่าวสาร ทราบว่าส่วนใหญ่สนับสนุนตนเอง ขณะเดียวกันก็ยังมีชื่อแคนดิเดตนายกฯ อีกหลายพรรครอเสนออยู่ เชื่อว่าทุกคนมีความพร้อม

ขั้นตอนในขณะนี้ จุดแรกคือ 8 พรรคต้องตกลงกันให้ได้ก่อนว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร หากมีมติออกมาว่าพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องประชุมกรรมการบริหารพรรคก่อนเพื่อเลือกแคนดิเดทนายกฯ และต้องว่าไปตามขั้นตอน ยังมีเวลาอีกหลายวัน ส่วนกรณีที่หากพรรคเสนอชื่อตนเองแล้วจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก 8 พรรคเหมือนเดิมหรือไม่ คงไม่ไปก้าวล่วง ต้องให้เกียรติพรรคร่วม

“ขณะที่แกนนำจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคก็ยังร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น โดยคณะเจรจาอาจจะไปพูดคุยกันหลังจากนี้จะมีแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงในแง่ของแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”นายเศรษฐา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าพรรคที่จะเสนอชื่อนายกฯ ในการโหวตครั้งต่อไป คงจะต้องไม่มีเรื่องของการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เพราะชัดเจนแล้วว่าจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว.รวมถึงพรรคการเมืองอื่น ซึ่งพรรคเพื่อไทยคงต้องพูดคุยกันว่าถ้าเราจะเป็นแกนนำเรื่องนี้ก็ต้องหยุดไป ส่วนความสัมพันธ์กับก้าวไกลไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเจรจา แต่ส่วนตัวคิดว่าหากยังมี มาตรา 112 ก็คงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ พรรค

“เป็นที่ชัดเจนว่าพรรคที่จะเสนอนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ไม่งั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. และจากหลายๆ พรรค เพราะคณิตศาสตร์ค่อนข้างจะพลิกผันเป็นอย่างมาก นับดูก็รู้”นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งต่อไปต้องคิดให้ดี เพราะมีเงื่อนไขสำคัญคือไม่สามารถเสนอให้โหวตซ้ำได้ จึงต้องพิจารณาให้เหมาะสม ส่วนจะยังมีความร่วมมือกับพรรคก้าวไกลต่อหรือไม่ ต้องให้เกียรติคณะเจรจา

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ 8 พรรคร่วมฯ ได้ผลักดันให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จนถึงที่สุดแล้วหรือไม่ นายเศรษฐา มองว่า ตามที่ฟังด้านกฎหมายก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

“ขึ้นอยู่กับว่าสุดทางคืออะไร สุดทางนี่คือก้าวไกลไม่สามารถส่งนายกรัฐมนตรีได้แล้ว ถือว่าสุดทางหรือยัง ต้องฝากให้คณะเจรจาไปพูดคุยว่านี่คือสุดทางหรือยัง หากสุดทางแล้วต้องพิจารณาให้พรรคอันดับสองได้รับมอบหมายจัดตั้งรัฐบาล ก็อยากให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”นายเศรษฐา กล่าว

และยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่าหากเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะมีพรรคอื่นเข้ามาเติมเสียงหรือไม่ โดยกล่าวว่า ล้ำหน้าไปเล็กน้อย แต่ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยกำลังถูกบีบให้ข้ามขั้ว แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค หน้าที่ใครหน้าที่มัน

สำหรับตนเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ ต้องเตรียมพร้อมทั้งนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยมอบหมายมา รวมถึงงานอื่นที่พรรคมอบหมายให้ ก็ต้องทำงานขับเคลื่อน ขอให้ใจเย็น ย้ำว่า 8 พรรคการเมืองยังอยู่ด้วยกัน และเหลืออีกหลายวันกว่าจะถึงวันโหวตครั้งต่อไป

“หากจะเกิดการเปลี่ยนแปลงข้ามขั้ว หรือจะมีพรรคอื่นเข้ามาเสริมก็ต้องให้เกียรติกับคณะเจรจา ขอให้ใจเย็น มีอีกหลายวันก่อนจะถึงวันที่ 27 ก.ค. เราต้องให้เกียรติกับพรรคร่วม ซึ่งผลการโหวตเมื่อวันที่ 19 ก.ค.เป็นผลที่น่าผิดหวัง แต่ก็ต้องยอมรับและเดินต่อไป” นายเศรษฐา กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top