นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 4,860 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังมีโอกาสการเติบโตตามอุตสาหกรรมไฟฟ้า เพราะระบบไฟฟ้ามีความจำเป็นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่มีจำนวนรถไฟฟ้า (EV) และ สถานีชาร์จ (Charging Station) รวมถึงการลงทุน Solar cell จากบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น
บริษัทในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจโซลูชั่นครบวงจร ของระบบ Smart Grid หรือ ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีทั้งห่วงโซ่ของระบบไฟฟ้าตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า การส่งไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้า ไปจนถึงภาคส่วนของผู้บริโภค ได้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการสื่อสารในการเก็บข้อมูลและทำการสั่งการควบคุม ถือเป็นโอกาสของบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตอีกมากในอนาคต
สำหรับแผนธุรกิจ 3 ปี (2566-2568) บริษัทฯยังคงเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาท จากคาดการณ์ว่าจะมีการลงทุนด้านสมาร์ทกริดที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ล่าสุดบริษัทได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนี sSET ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 66 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดย PCC เป็น 1 ใน 21 บริษัทที่ได้รับคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์เข้าใหม่สะท้อนว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสม่ำเสมอและมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยตามที่กำหนด ซึ่งการเข้าคำนวณดัชนี sSET จะทำให้บริษัทฯเป็นที่รู้จักของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น สะท้อนปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง
ดัชนี sSET เป็นดัชนีราคาหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญนอกเหนือจากดัชนี SET50 และ SET100 ที่มีอยู่เดิม กลุ่มหุ้นดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญที่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสม่ำเสมอและมีสัดส่วนผู้ถือหลักทรัพย์รายย่อย (Free-float) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนชำระแล้วของบริษัท ตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ การทบทวนในครั้งนี้ใช้ข้อมูลระหว่าง 1 มิ.ย.65-31 พ.ค.66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 66)
Tags: PCC, กิตติ สัมฤทธิ์, พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย