คลื่นความร้อนสูงปกคลุมยุโรปใต้ อิตาลีเตือนภัยอากาศร้อนจัดระดับสีแดง 16 เมือง

อิตาลีออกประกาศเตือนภัยสภาพอากาศร้อนจัดระดับสีแดงใน 16 เมือง เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.ค.) โดยนักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อุณหภูมิทั่วยุโรปตอนใต้จะพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สเปน อิตาลี และกรีซ เผชิญกับอุณหภูมิร้อนจัดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อภาคการเกษตร และทำให้นักท่องเที่ยงต้องหลบแดดในที่ร่ม โดยปรากฎการณ์แอนติดไซโคลน (anticyclone) ซึ่งมีชื่อว่า แครอน อาจทำให้พื้นที่บางส่วนของอิตาลีมีอุณหภูมิพุ่งสูงมากกว่า 45 องศาเซลเซียส (113 ฟาเรนไฮต์) ในช่วงต้นสัปดาห์นี้

อนึ่ง แอนติไซโคลน คือ บริเวณที่ความกดอากาศสูงและมีลมแรงพัดออกมา

“เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือคลื่นความร้อนที่รุนแรง ซึ่งจะปกคลุมทั่วประเทศในที่สุด โดยในบางพื้นที่ ความร้อนจะสูงเป็นประวัติการณ์จนทำลายสถิติเก่า” เว็บไซต์พยากรณ์อากาศเมเตโอของอิตาลี ประกาศเตือนเมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.ค.)

นายโอราซิโอ สคิลลาซี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุขอิตาลี กล่าวกับหนังสือพิม อิล เมสซาจเจโรว่า ประชาชนควรอยู่ในที่ร่วม ตั้งแต่เวลา 11.00 – 18.00 น. ส่วนผู้คนที่ไปเยี่ยมชมโคลอสเซียม ในกรุงโรม ต้องคอยดูแลตัวเองจากความร้อนด้วย

“เราไม่แนะนำให้ประชาชนเดินทางไปเยี่ยมชมโคลอสเซียมท่ามกลางอุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียส (109.4 องศาฟาเรนไฮต์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ”

นายสคิลลาซี กล่าว

นอกเหนือจากกรุงโรมแล้ว ยังมีการแจ้งเตือนให้ระวังสุขภาพในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เมืองฟลอเรนซ์ ไปจนถึงเมืองปาแลร์โมบนเกาะซิซิลี และเมืองบารีทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ในขณะเดียวกัน อุณหภูมิทางตอนเหนือของประเทศก็เริ่มร้อนขึ้นด้วย

ทางด้านรัฐบาลกรีซได้ปิดมหานครอะโครโพลิส หนึ่งในแหล่งโบราณคดีที่มีชื่อเสียง ในช่วงที่อากาศร้อนที่สุดของวันศุกร์ (14 ก.ค.) เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวได้รับอันตรายจากความร้อน

ส่วนที่สเปน นักพยากรณ์อากาศเตือนความเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่าและอากาศร้อนระอุตอนกลางคืน โดยอุณหภูมิทั่วประเทศไม่น่าจะต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส (77 องศาฟาเรนไฮต์)

ทั้งนี้ คาดว่าคลื่นความร้อนจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ (17 ก.ค.) โดยอุณหภูมิแตะที่ระดับ 44 องศาเซลเซียส (111.2 องศาฟาเรนไฮต์) ในพื้นที่หุบเขากวาดัลกิบีร์ ใกล้กับเมืองเซบียา ทางตอนใต้ของสเปน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top