นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ แกว่งไซด์เวย์ หลังนักลงทุนตอบรับประเด็นการเมืองล่วงหน้าไปแล้ว โดยวันนี้จับตาการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลและการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่สองในสัปดาห์นี้ รวมถึง ติดตามการประกาศงบผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนไทยที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังปรับตัวลงคาดกดดันกลุ่มพลังงานวันนี้ ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,520-1,525 จุด และแนวรับ 1,510 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ อยู่ในแดนบวกและลบ หลังนักลงทุนตอบรับประเด็นพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งอาจเห็นการเปลี่ยนตัวผู้ที่เสนอชื่อให้รัฐสภาโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดทจากพรรคก้าวไกลสอบไม่ผ่านในรอบแรกล่วงหน้าไปแล้ว
ขณะที่วันนี้จับตาการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เวลา 17.00 น. และ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 ในสัปดาห์นี้ รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยออกมาในสัปดาห์นี้ด้วย เริ่มด้วยกลุ่มธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวลง ทำให้อาจกดดันกลุ่มพลังงานในวันนี้
ให้กรอบแนวต้านไว้ที่ 1,520-1,525 จุด และแนวรับ 1,510 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,509.03 จุด เพิ่มขึ้น 113.89 จุด หรือ +0.33%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,505.42 จุด ลดลง 4.62 จุด หรือ -0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,113.70 จุด ลดลง 24.87 จุด หรือ -0.18%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,219.02 จุด ลดลง 18.68 จุด หรือ -0.57% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (17 ก.ค.) เนื่องในวันแห่งทะเล (Marine Day) สำหรับตลาดหุ้นฮ่องกงประกาศระงับการซื้อขายภาคเช้าในวันนี้ (17 ก.ค.) หลังจากหอสังเกตการณ์ฮ่องกง (Hong Kong Observatory) ยกระดับการเตือนภัยจากพายุไต้ฝุ่นตาลิม (Talim) ขึ้นสู่ระดับ 8 และมีแนวโน้มว่าจะระงับการซื้อขายภาคบ่ายในวันนี้ด้วย หากไม่มีการลดสัญญาณเตือนภัยพายุลงสู่ระดับ 3 หรือต่ำกว่านั้นภายในเวลาเที่ยงวัน
– ตลาดหุ้นไทยปิด(14 ก.ค.66) 1,517.92 จุด เพิ่มขึ้น 23.90 จุด (+0.19%) มูลค่าซื้อขาย 43,640.01 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,770.64 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(14 ก.ค.) ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.91% ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 2.1% ในรอบสัปดาห์นี้
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ค.) อยู่ที่ 5.45 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.65 อ่อนค่าหลังดอลลาร์ฟื้น จับตาตัวเลข GDP จีน-โหวตนายกฯรอบ 2
– สศก.ชี้จีดีพีเกษตรไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 0.3% ไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้ ผลจากคลื่นความร้อน “โรงแรมพัทยา” หวั่นไฮซีซัน “น้ำไม่พอใช้” แนะทำอ่างเก็บน้ำเล็กกระจายทั่วชลบุรี อสังหาฯเร่งวางแผนรับมือ ด้าน “นักวิชาการ” จวกการเมืองยังไม่เห็นชะตากรรมประชาชน
– “ส.ขนส่งฯ” ยังมีลุ้นรัฐตรึงดีเซล 32 บาท/ลิตร อีก 2 เดือน เพื่อรอ รบ.ใหม่เข้าทำงาน ที่ยังจำเป็นต้องลดภาษีฯต่อ ขู่ขึ้นทุก 1 บาท ขยับค่าขนส่ง 3% เชื่อราคาสินค้าพุ่งตาม
– พท.-ก.ก. ยังไม่เคาะเสนอชื่อ “พิธา” รอบ 2 โวยพ่วงแก้ ม. 272 ไม่เกี่ยว พท. แถมอยู่นอกเอ็มโอยู “ส.ว.เสรี” มอง “พิธา” เล่นละครยอมถอย หวังระดม “ด้อมส้ม” ย้ำสูตรไหนถ้ามี “ก้าวไกล” ก็ไม่เลือก “พปชร.” ปัดเดินเกมขอเสียงหนุน “บิ๊กป้อม” แข่งนายกฯ แย้มไม่ปิดทางร่วมรัฐบาล “คาร์ม็อบ” ตระเวนจี้ ผบ. 4 เหล่าทัพลาออก ส.ว.
– ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นโยบายปฏิรูปโครงสร้างภาษีเพื่อขยายฐานภาษีเพิ่มรายได้นั้น ต้องดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ทำให้เกิดอาการช็อกในระบบเศรษฐกิจ แต่มีความจำเป็นในการปฏิรูปภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล เนื่องจากปัจจุบันรายได้ภาษีของรัฐบาลคิดเป็นเพียง 14% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เท่านั้น โดยตามหลักการควรที่จะอยู่ที่ 15-16% ของจีดีพี ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เสนอแผนการปฏิรูปภาษีให้ทุกรัฐบาลพิจารณา โดยแผนดังกล่าวมีภาษีราว 20 รายการ
หุ้นเด่นวันนี้
– BANPU (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 9.4 บาท ราคาเชื้อเพลิงให้ความร้อนมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นทั้งก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน เนื่องจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NOAA) ประเมินว่าปรากฎการณ์ El Nino จะดำเนินต่อเนื่องไปจนถึงหน้าหนาวนี้ อีกทั้งเกิดภัยแล้งในเอเชีย ทำให้ผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำได้น้อยลง หนุนความต้องการ และราคาก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินซึ่งเป็นพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับสูงขึ้น กอปรกับปัญหาทางธรณีวิทยาของเหมืองถ่านหินของ BANPU ในออสเตรเลียได้ทยอยแก้ไข โดยปริมาณการผลิต ต้นทุนต่อหน่วย และราคาขายได้เริ่มปรับดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 ขณะที่ด้าน valuation เรามองว่าค่อนข้างถูกเนื่องจาก BANPU เทรดที่ PE ต่ำเพียงไม่ถึง 5x, PB ราว 0.6x และให้ dividend yield สูง 5.7%
– SC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 5 บาท ผลกำไรจะดีขึ้นทั้ง qoq และ yoy ตั้งแต่ไตรมาส 2/66 จากยอด backlog ในมือ และเร่งเปิดโครงการใหม่เน้นแนวราบระดับราคา 20 ล้านบาท และ 100 ล้านบาทต่อยูนิต
– BBL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 185.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/66 ราว 1 หมื่นล้านบาท (+45%y-y) แรงหนุนจากส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ปรับเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น และแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยภาพในช่วงครึ่งปีหลัง คาดผลการดำเนินงานยังดีต่อเนื่อง จากสินเชื่อที่เติบโต ทิศทาง NIM ที่ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลงตามฤดูกาล ผสานกับ Valuation ณ ปัจจุบันที่เทรดเพียง PBV 0.6 เท่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 66)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล