“ปูติน” ใจกว้าง เสนอโอกาสกลุ่มวากเนอร์รับใช้ชาติต่อไปหลังก่อกบฏ

ภาพ: รอยเตอร์

ประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเปิดเผยว่า ได้เสนอโอกาสให้ทหารรับจ้างวากเนอร์ยังคงรับใช้ชาติร่วมกันต่อไปในรัสเซีย หลังจากที่พวกเขาได้ก่อกบฏก่อนหน้านี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หนังสือพิมพ์คอมเมอร์แซนต์ (Kommersant) ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของปธน.ปูติน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.) ที่ระบุว่า นี่เป็นหนึ่งในหลายข้อเสนอในการประชุมร่วมกับทหารจากกลุ่มวากเนอร์จำนวน 35 นายและนายเยฟเกนี ปริโกซิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มวากเนอร์เมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีขึ้น 5 วันหลังจากกลุ่มวากเนอร์ทำการก่อกบฏ

ภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว นักรบกลุ่มวากเนอร์จะอยู่ภายใต้ผู้บัญชาการกองทัพคนปัจจุบันของพวกเขา ซึ่งหนังสือพิมพ์ระบุฉายาของเขาเพียงแค่ว่า “ผมสีเทา”

นอกจากนี้ ปธน.ปูตินเสริมว่า รัฐบาลและรัฐสภาของรัสเซียจะเป็นผู้กำหนดกรอบกฎหมายสำหรับการจัดตั้งกองทัพเอกชน

ปธน.ปูตินพูดถึงการพบปะกับนายปริโกซิน และนักรบวากเนอร์ 35 นายที่ทำเนียบเครมลิน และเสนอทางเลือกสำหรับอนาคต รวมทั้งให้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้บัญชาการของพวกเขาเป็นเวลา 16 เดือน

ปธน.ปูตินระบุว่า “พวกเขาทั้งหมดสามารถรวมตัวกันและทำหน้าที่รับใช้ชาติต่อไปเหมือนเดิม” พร้อมเสริมว่า “จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะอยู่ภายใต้คนคนเดิมที่เป็นผู้บัญชาการที่แท้จริงตลอดเวลา”

ปธน.ปูติน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด เหมือนจะบอกเป็นนัยว่ากลุ่มนักรบเหล่านี้จะยังคงอยู่ในกองทัพรัสเซีย แม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนก็ตาม โดยปธน.ปูตินระบุว่า “หลายคนเห็นด้วยเมื่อผมพูดแบบนี้”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เครื่องบินรบของกลุ่มวากเนอร์มีบทบาทสำคัญในการสู้รบของกองทัพรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครน และเป็นแรงผลักดันในการยึดเมืองบัคมุตเมื่อเดือนพ.ค.หลังจากการสู้รบนานหลายเดือน

อย่างไรก็ตาม นายปริโกซินได้ตำหนิกองทัพรัสเซียอย่างต่อเนื่องที่ไม่สนับสนุนกำลังพลของเขา ขณะที่นักรบวากเนอร์ที่ไม่พอใจกับการดำเนินการของกระทรวงกลาโหมในสงครามนั้น ได้เข้าควบคุมเมืองรอสตอฟออนดอนทางตอนใต้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. และได้เคลื่อนกำลังมุ่งหน้าสู่กรุงมอสโก

ทั้งนี้ พวกเขาได้ยุติการเดินทัพต่อในวันรุ่งขึ้น หลังจากได้รับข้อเสนอให้กลุ่มทหารวากเนอร์และนายปริโกซินสามารถตั้งถิ่นฐานใหม่ในเบลารุสได้ พร้อมทั้งยกเลิกการดำเนินคดีข้อหากบฏต่อนายปริโกซิน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top