“ปิยบุตร” แนะ “ก้าวไกล” ยืดอกประกาศถอยไปเป็นฝ่ายค้าน หันผลักดันแก้ ม.272 ปิดสวิทช์ ส.ว.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กแนะนำพรรคก้าวไกลถอยออกมาจากการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อประจานระบบนี้ให้สังคมไทยได้รู้ ให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศได้รู้กันอย่างถ้วนหน้าว่าหลายฝักฝ่ายรวมหัวกันสกัดกั้นและทำลายพรรคก้าวไกลผู้ทำหน้าที่ยานพาหนะของความหวัง

“จงยืดอกอย่างภูมิใจและทรนงองอาจในความเป็น “แกะดำ” ของการเมืองไทย ในวันนี้ เมื่อ 14 ล้านยังไม่พอในวันนี้ ต้องทำให้ได้ถึง 20 ล้าน 25 ล้านในวันพรุ่ง !!!”นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยะบุตร ระบุว่า จากการติดตามการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาแต่ละฝ่ายในการประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ส.ว.จำนวนมากทั้งที่ออกหน้ากล้าลงคะแนนไม่เห็นชอบ และทั้งที่ไม่กล้าออกหน้าเลือกงดออกเสียงหรือไม่มาประชุมแทน กลุ่มนี้ให้ตายก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจกลับมาลงคะแนนเห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน

“การลงคะแนนเสนอพิธาไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ทำอะไรอื่นเลย ไม่มีทางที่จะได้คะแนนเพิ่มมากกว่าวันนี้ อย่างน้อย พรรคก้าวไกลก็ได้ทำให้ประชาชนเห็นแล้วว่า พยายามต่อสู้อย่างถึงที่สุดแล้ว พยายามปกป้องคะแนนเสียงร่วม 27 ล้านเสียง พยายามแปลงคะแนนเหล่านี้ให้ออกมาเป็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่แล้ว”

นายปิยะบุตร ระบุอีกว่า เหตุผลของ ส.ว. และ ส.ส. อีกข้างหนึ่งจำนวนหลายคนที่ได้อภิปรายเมื่อวานนี้ต่างยืนยันว่าไม่เห็นชอบให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพรรคก้าวไกลต้องการเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ขณะที่พรรคก้าวไกลยืนยันว่านี่คือนโยบายที่ได้รณรงค์หาเสียงกับประชาชนมาแล้วจำเป็นต้องดำเนินการต่อ แต่ก็เป็นเรื่องของ ส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะเสนอร่างเข้าสภา มิใช่เป็นเรื่องของรัฐบาล

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ย่อมชัดเจนอยู่แล้วว่า ไม่มีทางที่ ส.ส.และ ส.ว.เหล่านี้จะเปลี่ยนใจได้เลย เว้นแต่มีข้อมูลใหม่/สัญญาณใหม่ บังคับให้พวกเขาเปลี่ยนใจ หรือมีมวลชนอันไพศาลออกมาเรียกร้องกดดัน ส.ว. หลายแสนคน แต่หากไม่มีกรณีเหล่านี้เกิดขึ้น ลงคะแนนต่อไปอีกกี่ครั้ง ก็ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะกลับมาเห็นชอบให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี

หากพรรคก้าวไกล เลือกวิธีเจรจาพรรคอื่นเข้าร่วมรัฐบาลเพื่อเพิ่มจำนวนเสียง ปัญหา คือ จะมีพรรคใดยอมเข้าร่วม ก็ในเมื่อพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคชาติไทยพัฒนา ต่างประกาศจุดยืนชัดเจนว่าไม่ร่วมกับพรรคที่จะแก้ 112

” พวกเขาอ้างประเด็น 112 เพื่อปิดล้อมพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ก็ไม่มีทางยอมถอยประเด็นนี้ ดังนั้น การแสวงหาคะแนนจากพรรคอื่นก็คงยาก และอาจสายเกินไปที่จะพูดคุยแล้ว”นายปิยบุตร ระบุ

ครั้นพรรคก้าวไกลจะถอย ร่วมเสนอให้แคนดิเดทพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และยังร่วมรัฐบาลอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่า บรรดา ส.ว. จะยอมหรือไม่ เพราะพวกเขาน่าจะไม่ปรารถนาเห็นพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลเลยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกัน ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ฯลฯ ก็คงไม่ยอม เพราะพวกเขาอยาก “เสียบ” เข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกลมากกว่า ถึงเวลาเขาก็อ้างอีกว่าโหวตให้ไม่ได้ เพราะ รัฐบาลที่กำลังจะตั้งมีพรรคก้าวไกลที่ต้องการเสนอแก้ 112

แม้อาจบอกกันว่า ก็ลงมติกันไปเรื่อยๆ รอจนอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 272 หมดลงใน พ.ค.ปี 67 แต่พรรคก้าวไกลจะทนแรงเสียดทาน ลากไปให้ถึงวันนั้นได้หรือไหนจะมี “คมหอกคมดาบ” ของศาลรัฐธรรมนูญที่รอง้างไว้อยู่อีกหลายคดี

นายปิยบุตร จึงเสนอแนะพรรคก้าวไกลหันมารวมเสียง ส.ส.-ส.ว.ที่เห็นด้วยกับเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อยกเลิกมาตรา 272 เพื่อปิดสวิทช์ ส.ว.โดยทันที เพราะนี่คือวิธีการต่อสู้แบบเป็นไปได้ ซึ่งร่างนี้เคยเสนอในสภาชุดที่แล้วแต่ตกไป ในครั้งนั้น ส.ส.เกือบทุกพรรค และมี ส.ว.หลายคนก็เห็นด้วยกับการยกเลิกมาตรา 272

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top