จากการสำรวจหุ้นขนาดใหญ่ในดัชนี SET50 ที่มี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า หรือต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี พบว่ามีทั้งหมด 13 หุ้น โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง และส่วนใหญ่เป็นอยู่ในกลุ่มที่เป็นหุ้นคุณค่า (Value stock) ที่ผลการดำเนินงานเป็นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ
นักลงทุนที่นิยมนำอัตราส่วนราคาตลาดต่อมูลค่าตามบัญชี (Price to Book Value : P/BV Ratio) วิเคราะห์ว่าหุ้น “ถูกหรือแพง” เป็นการคำนวณจากราคาตลาดของหุ้น หารด้วยมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) ถือเป็นการบอกให้รู้ว่าราคาหุ้น ณ ขณะนั้น สูงเป็นกี่เท่าของมูลค่าตามบัญชีของหุ้นตัวนั้น หากยิ่งซื้อหุ้นได้ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีมากเท่าไหร่ยิ่งดี (P/BV Ratio ต่ำ)
นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า การเลือกหุ้นโดยใช้ P/BV เป็นเครื่องมือในการเลือกหุ้นที่จะลงทุน ทำให้นักลงทุนรู้ว่าซื้อของถูกแพงกว่าเจ้าของ และเป็นการดูที่สามารถช่วยวิเคราะห์หาจุดในการซื้อหุ้นได้ โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
การเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่มี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า ถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนในระยะกลางยาวได้ เช่น หุ้น PTT ที่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ราคาหุ้นปรับลดลงมา ทำให้ P/BV ปรับลดลงมาต่ำกว่า 1 เท่า ส่วนหนึ่งมาจากการที่ยังมีปัจจัยผันผวนอื่นๆ ที่ยังมากระทบต่อผลการดำเนินงาน รวมถึงการเป็นธุรกิจที่ยังมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ทำให้ราคาหุ้นยังไม่ตอบรับ ทำให้ P/BV ปรับขึ้นไปที่ 1 เท่าได้ แต่ยังถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนสามารถทยอยสะสมในระยะกลางยาวได้
ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีค่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่าหลายธนาคาร จากปัจจัยของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตไม่มาก ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ยังเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่อาจจะถูกเทคโนโลยีการเงินเข้ามา Disrupt ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับหลังจากที่เกิดโควิด-19 ทำให้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ถูกแรงกดดัน แต่ในปีนี้ถือว่ายังเป็นโอกาสที่เริ่มเห็นหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์กลับมามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น และหนุนต่อกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ยังดีต่อเนื่อง และยังเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูง 4-5% ต่อปี ทำให้เป็นหนึ่งในหุ้นที่มี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า ที่นักลงทุนสามารถหาจังหวะทยอยสะสมได้
นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าวว่า การสะสมลงทุนระยะกลางยาว หุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าบุ๊ค และยิ่งมี P/E ไม่สูง ถือว่าเป็นหุ้นที่มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับการทยอยสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลางยาว โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานการเงินที่แข็งแกร่ง เป็นธุรกิจที่มีพื้ฐานดี มีผลการดำเนินงานที่ดีมาอย่างสม่ำเสมอ และยังคงมีการจ่ายเงินปันผลดีต่อเนื่อง ยังมีความน่าสนใจในการลงทุนสะสม ประกอบกับในช่วงที่รอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ หรือความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก หุ้นในกลุ่มนี้ถือว่าช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้
โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ถือว่าค่อนข้างมีความโดดเด่นในปีนี้ รับปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะยังคงเห็นรายได้จากดอกเบี้ยในไตรมาส 2/66 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/66 ทำให้กำไรในครึ่งปีแรกยังมีการเติบโต รวมถึงในคึ่งปีหลังที่ยังมีทิศทางเติบโตต่อด้วยเช่นกัน และยังเป็นหุ้นที่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจะเป็นกลุ่มแรกๆที่มีผลการดำเนินงานฟื้นกลับมาตามภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนสามารถรับผลตอบแทนจากปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 66)
Tags: SCOOP, SET50, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย