NUSA รับแผนเพิ่มทุน PP แลกเข้าถือหุ้น “วินด์” เพิ่มอาจมีปัญหาหลังราคาร่วง-เสียภาพลักษณ์

นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บมจ.ณุศาศิริ (NUSA) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสทื์” ว่า แผนการเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ในวงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาทเพื่อแลกการเข้าถือหุ้น บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) กับกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WEH อาจมีปัญหา หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งข้อสังเกตสาระในงบการเงินไตรมาส 1/66 ของบริษัท ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และทำให้บริษัทเสียภาพลักษณ์

และที่สำคัญยังส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทให้ปรับตัวลดลงไปมาก จากความกังวลในเรื่องผลกระทบต่อดีลการเพิ่มทุน เนื่องจากที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทไว้ที่กว่า 1 บาท จากขณะนี้ลดลงไปเหลือเพียง 0.52 บาท (ราคาปิดเที่ยงวันนี้) ซึ่งแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้ได้ชี้แจงกับทางสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วตามขั้นตอน และได้ชี้แจงกับทางตลาดหลักทรัพย์แล้วเช่นกัน

นางศิริญา กล่าวว่า บริษัทต้องการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกหุ้น WEH ให้เข้าไปถือเพิ่มอีก 29% จากเดิมที่ NUSA ถือหุ้น WEH อยู่ที่ 7% หากดีลการเพิ่มทุนสำเร็จ NUSA จะถือหุ้นใน WEH เพิ่มเป็น 36% ทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ WEH เข้ามาในงบการเงินของ NUSA ประเมินหาก WEH มีกำไร 6 พันล้านบาท ถ้า NUSA ถือหุ้น 36% จะบันทึกกำไรจาก WEH เข้ามาราว 2 พันล้านบาท ทำให้ภาพรวมผลประกอบการของ NUSA พลิกกลับมามีกำไร และกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

แผนงานดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เข้ามาให้กับบริษัทต่อเนื่อง และมองหาดีลที่จะเป็นประโยชน์กับบริษัทและผู้ถือหุ้นทุกคนเข้ามา เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจและสร้างผลตอบแทนกลับมาให้กับผู้ถือหุ้น

“เรื่องวินด์ เอนเนอร์ยี่ ไม่ใช่เราเพิ่งมาเข้าลงทุน แต่เราเคยลงทุนมาแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน แต่ได้คืนหุ้นไป เพราะ วินด์ เอนเนอร์ยี่ ไม่สามารถเข้าตลาดหุ้นได้ตามแผน แต่ปีที่แล้วเราก็เข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นรายย่อย 7% ซึ่งก็มีปันผลเข้ามา 160 ล้านบาท และมองเห็นโอกาสในการถือหุ้นเพิ่ม เพื่อเป็นไปตามแผนธุรกิจที่ขยายไปที่ธุรกิจพลังงานเพิ่มเติม ก็มีดีลเพิ่มทุน PP เพื่อ SWAP หุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ เข้ามาอีก 29% ทำให้ NUSA จะมีกำไรจากวินด์ เอนเนอร์ยี่ เข้ามา และมีกำไร จ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้

แต่เมื่อวานนี้จากที่ตลาดฯให้เราชี้แจง เราก็ชี้แจงทันที ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักลงทุนของ NUSA ตกใจและเกิดความกังวล และเสียภาพลักษณ์ของบริษัท เราก็เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทด้วย เราพยายามในการหาแนวทางในการช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัท ซึ่งเช้านี้ก็ได้มีการพูดคุยกับตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงแผนการเพิ่มทุนก็ได้มีการชี้แจง ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้” นางศิริญา กล่าว

บริษัทยังมั่นใจว่าจะยังเดินหน้าในการเพิ่มทุนตามแผนได้ แม้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันของบริษัทจะลดลงต่ำกว่าราคาของที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินไว้ เนื่องจากการประเมินได้นำสินทรัพย์ที่บริษัทมีอยู่ในมือ โดยเฉพาะที่ดินเขาใหญ่กว่า 1,000 ไร่ มูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 500,000 บาท/ไร่ ที่ดินพัทยา 300 ไร่ มูลค่าตามบัญชี 2 ล้านบาท/ไร่ แต่ราคาซื้อขายจริงในปัจจุบันอยู่ที่ 20 ล้านบาท/ไร่ และโครงการ Legend Siam ที่พัทยา มูลค่าสินทรัพย์ตามบัญชีกว่า 5 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับที่ต่ำเพียง 0.68 เท่า สะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัท

ส่วนความกังวลในเรื่องของภาระหนี้ของบริษัทและความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทนั้น บริษัทได้มีการบริหารจัดการภาระหนี้ให้มีความเหมาะสม โดยที่หนี้สินระยะสั้นของบริษัทได้เปลี่ยนเป็นหนี้สินระยะยาวทั้งหมดแล้ว ซึ่งจากงบการเงินไตรมาส 1/66 มีหนี้สินระยะสั้น 3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นตั๋ว BE ซึ่งได้เปลี่ยนเป็นหนี้สินระยะยาวทั้งหมดแล้ว ทำให้ไม่มีความกังวลว่าบริษัทจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น และในส่วนของสินทรัพย์ของบริษัทที่มีอยู่ยังมีมูลค่าเพียงพอในการรองรับการชำระหนี้ หากเกิดปัญหาทางการเงินขึ้น บริษัทก็สามารถตัดขายสินทรัพย์ที่มีอยู่นำเงินไปชำระคืนหนี้ได้เพียงพอ

นางสิริญา ยังชี้แจงถึงกรณีที่บริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ขอขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำรวม 57.5 ล้านบาท ออกไปอีก 90 วัน เนื่องจากทางมอร์ มันนี่ ให้เหตุผลว่าปิดบัญชีไม่ทัน และใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายต่างๆในการจัดคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand 2023 ยังไม่แล้วเสร็จ จึงขอขยายระยะเวลาออกไปก่อนน ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้คิดดอกเบี้ย และยังมีหุ้นที่ค้ำประกันอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าจะส่งผลลบต่อบริษัท

สำหรับการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี ที่มีการเปลี่ยนจากการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรม ใบอนุญาตประกอบโรงแรม ลิขสิทธิ์ และทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ เป็นการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท พานาซี แฟร์วาลทุงส์ จึเอ็มบีเฮช จำกัด ซึ่งไม่ได้รับเงินมัดจำคืนทันที เนื่องจากดีลมีความล่าช้าในช่วงเกิดโควิด-19 และบริษัทได้มีการพิจารณาต่อรองราคาในการซื้อหุ้นจากเดิมที่ 1 พันล้านบาท ลดลงมาเหลือกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่เหมาะสม และสามารถสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจด้านสุขภาพที่เป็นศูนย์ Wellness ได้ทั้งในปละต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่เตรียมเข้าไปรุกตลาด Wellness ของพานาซี ใน 50 มณฑล ภายในไตรมาส 4/66 หลังจากที่บริษัทเริ่มเดินทางเข้าไปดูตลาดในประเทศจีนตั้งแต่เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยการลงทุนในพานาซี ได้ประเมินว่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 7-10% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจด้านสุขภาพที่เกี่ยวเนื่อง

นางศิริญา ยืนยันว่า NUSA ยังคงเดินหน้าในการทำธุรกิจ 3 ด้าน ได้แก่ ท่องเที่ยว สุขภาพ และพลังงาน เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ และพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมามีกำไร หลังจากที่ผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว และยืนยันว่าธุรกิจของ NUSA ยังมีความแข็งแกร่ง และมีความมั่นคงทางการเงิน จากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในมือที่มีมูลค่ามากกว่ามูลค่าตามบัญชีอีกทั้งยังมี D/E ในระดับที่ต่ำ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการเดินหน้าตามแผนงานของบริษัท เพื่อสนับสนุนการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top