กรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมจัดงาน BMA Expo 2023 ครั้งแรกที่รวม ‘งานเมือง’ ทุกเรื่องมาไว้ในที่เดียว ในพื้นที่กว่า 16,700 ตารางเมตร โดยในวันที่ 14 ก.ค. 66 เวลา 13.00 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะเปิดงานนิทรรศการ และเปิดให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรมตั้งแต่วันที่ 14-16 ก.ค. 66 เวลา 13.00-20.00 น. ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (โรงงานผลิตยาสูบ 5) สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย (เข้าทางศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์)
BMA EXPO 2023 จัดขึ้นภายใต้แนวคิดการบูรณาการการทำงานของกทม. โดยจะมีการจัดแสดงความคืบหน้าผลดำเนินงานในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ตามยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ภายใต้นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ที่จัดกลุ่มประเด็นพัฒนาออกเป็น 28 กลุ่ม ภายใต้นโยบาย 226 ข้อ
นอกจากการจัดแสดงความคืบหน้าในการดำเนินงานนโยบาย ภายใต้การเปิดเผยข้อมูลผ่าน OPEN DATA และ OPEN POLICY แล้ว ในงานนี้ประชาชนได้รับบริการต่างๆ จากของทั้ง 17 สำนัก พร้อมด้วย Bma Express จาก 50 สำนักงานเขต มาให้บริการแบบครบทุกมิติ พร้อมนวัตกรรมการให้บริการแบบไร้รอยต่อ ครบทั้ง 9 ด้าน 9 ดี ผ่านรถบริการเคลื่อนที่ และสาธิตการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้านต่างๆ ตลอดจนการแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ และการให้บริการแก่ประชาชนที่มาร่วมงานตลอดทั้ง 3 วัน
ทั้งนี้ ภายในงาน แบ่งออกเป็น 9 โซน โดยแบ่งพื้นที่การจัดแสดงตามนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ดังนี้
1. ปลอดภัยดี : มี Workshop สาธิตการดับเพลิง ผ่านสถานการณ์จำลองภายในรถห้องฝึกดับเพลิงและกู้ภัยเคลื่อนที่ (SIMULATOR TRUCK) โดยจะแบ่งรอบสาธิตการดับเพลิงออกเป็นวันละ 3 รอบ ได้แก่ 13.00-14.30 น., 15.30-17.00 น., และ 18.00-20.00 น. ประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาเพื่อร่วมกิจกรรมได้ที่หน้างาน
นอกจากนี้ บริเวณโซนปลอดภัยดี ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ด้วย ได้แก่ โมเดลเสาไฟฟ้าส่องสว่างประเภท หลอด LED หรือ smart lighting, การจัดระเบียบ สายไฟและสายสื่อสาร และนำลงใต้ดิน, แนะนำวิธีขอภาพจากกล้อง CCTV ออนไลน์ กรณีเกิดอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม เพิ่มความสะดวกรวดเร็วไม่ต้องเดินทางไปที่กทม. (เสาชิงช้า) หรือศูนย์ฯ 12 แห่ง
ทั้งนี้ การสาธิตกิจกรรมในงาน เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขจุดเสี่ยงภัยและอาชญากรรม ตลอดจนสร้างระบบเครือข่ายในพื้นที่จัดการสาธารณภัยให้กับประชาชน
2. โปร่งใสดี : กิจกรรมชวนฝากข้อความถึง ผู้ว่าฯ กทม. ผ่านกล่อง ‘เรื่องที่อยากบอก.. เรา’ โดยในบูธนี้จะเป็นนิทรรศการที่มุ่งเน้นการแสดงความคืบหน้าในการดำเนินงานนโยบาย ภายใต้การเปิดเผยข้อมูลผ่าน OPEN DATA และ OPEN POLICY เว็บไซต์ที่จะเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงาน เพื่อให้ประชาชนติดตาม และให้ข้อเสนอการพัฒนานโยบายของกรุงเทพมหานคร โดยจะมีการรวบรวมการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ตลอดจนการติดตามแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียน
3. เศรษฐกิจดี : ในโซนนี้มีของดีจาก 50 เขต และสินค้าจาก Bangkok Brand ให้ได้ชอปปิ้ง และภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจดี กทม. ยังมีแนวคิดในการเพิ่มโอกาสการตลาดแรงงาน ตลอดจนเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ เพิ่มทักษะอาชีพใหม่ที่โรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. ด้วย
นอกจากนี้ ที่บูธยังมีการเปิดข้อสอบจากคลังข้อสอบเข้ารับราชการ กทม. โดยจะเปิดโอกาสให้ประชาชนที่สนใจ ได้เข้ามาทดลองทำข้อสอบจริง จากคลังข้อสอบเข้ารับราชการ กทม. จะมีรอบการทดลองทำข้อสอบจริง 2-3 รอบต่อวัน ทั้งภาค ก ภาค ข และภาค ค ทั้งทำบนกระดาษและ E-testing โดยสามารถเลือกตำแหน่งสอบได้หลังทำข้อสอบด้วย
4. เดินทางดี : กทม. มีแนวทางการเพิ่มความคล่องตัวการเดินทาง จึงได้มีแนวทางการส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางด้วย ในโซนนิทรรศการนี้จะมีการยกทางข้ามและการกวดขันวินัยจราจรมาให้ทดสอบ
ในบูธนี้จะมีกิจกรรมการสาธิตจากเจ้าหน้าที่ พร้อมให้ประชาชนร่วมทดลอง โดยมีกิจกรรม ดังนี้ การจำลองทางข้าม ที่มีสัญญาณเสียงเตือนก่อนข้าม, การทำงานของกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนขับขี่หรือจอดรถบนทางเท้าด้วยเทคโนโลยี AI, Showcase ของระบบสัญญาณไฟจราจรแบบเป็นพื้นที่ Area Traffic Control (ATC) แบบจำลองทางข้ามและการกวดขันวินัยจราจรบริเวณทางแยก, ผังแสดงเชื่อมต่อระบบการทำงานของ BMA Network โดยรายงานจากระบบส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการดำเนินการต่อผู้ฝ่าฝืน, โมเดลการให้บริการประชาชนด้านการเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย, โมเดลศาลาที่พักผู้โดยสารรูปแบบใหม่ และการแสดงข้อมูลการเดินรถไฟฟ้า ระบบขนส่งสาธารณะใน กทม. เป็นต้น
5. สิ่งแวดล้อมดี : จากนโยบายการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้ล้านต้นไม้ ตลอดจนการเพิ่มสวน 15 นาทีทั่วกรุง รวมไปถึงการจัดการขยะ อากาศ น้ำเสีย โดยที่บูธจะมีการแจกต้นกล้าและแจกปุ๋ย เพื่อเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ให้ถึงล้านต้น
นอกจากนี้ ในบริเวณนี้ยังมีการนำเสนอแนวทางการพัฒนาเมือง ภายใต้แนวคิดการเพิ่มต้นไม้สีเขียว ตามนโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุง มีการจัดแสดงสวน 15 นาทีให้ผู้เข้าชมงานเยี่ยมชมและใช้บริการได้จริง (พื้นที่ 40×25 เมตร) ตลอดจนสาธิตการจัดการขยะ ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง พร้อมแจกปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพและน้ำหมักขยะหอม น้ำยาอเนกประสงค์ด้วย
6. สุขภาพดี : นำเสนอ One Stop Service บริการรักษาพยาบาลที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อเป็นการยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิและเครือข่ายสาธารณสุข เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ที่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ โดยภายในงานจะมีเจ้าหน้าที่มาให้บริการประชาชนแบบ One-Stop-Service ผ่านรถบริการ Mobile Medical Unit รถสุขภาพเชิงรุก ตรวจถึงชุมชนมาจัดแสดงและให้บริการประชาชนที่มาร่วมงาน
ในบูธนี้ จะมีการนำเสนอแนวทางการยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิและเครือข่ายสาธารณสุข เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายสุขภาพดี ที่จะขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วพื้นที่ในกรุงเทพฯ
ภายในงาน มีเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชนผ่านรถบริการ Mobile Medical Unit รถสุขภาพเชิงรุก ตรวจถึงชุมชนมาจัดแสดงและให้บริการประชาชน โดยให้บริการประชาชน เช่น รถหน่วยแพทย์ ใช้คัดกรองสุขภาพ, รถตรวจตา (ต้อหิน, เบาหวานขึ้นตา), รถตรวจฟัน ทำฟัน (จำกัดจำนวน 30 คน) และรถตรวจมะเร็งปากมดลูก (เพศหญิง 35-59 ปี และยังไม่เคยตรวจใน 5 ปี)
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการแก่ประชาชนด้านสุขภาพ ได้แก่
– การให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งจะมีบริการจาก บูธหมอ กทม. และตู้ Kiosk ซึ่งจะมาจากศูนย์บริการคนพิการแบบเบ็ดเสร็จ, คลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย สำนักการแพทย์ (BKK Pride Clinic) และ กทม. ใส่ใจผู้สูงวัย หัวใจแกร่ง
– การทดสอบสมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness Test) ในการให้บริการเพื่อทดสอบสมรรถภาพทางกาย (Physical Fitness Test) นี้ จะทำให้ผู้มารับบริการได้ทราบถึงระดับความสามารถ หรือระดับสมรรถภาพทางกายในแต่ละด้าน สามารถเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายและเริ่มต้นออกกำลังกายให้เหมาะกับตนได้ ทำให้การพัฒนาสมรรถภาพทางกายมีประสิทธิภาพเต็มที่ และมีบริการด้วยเครื่องวัดดัชนีมวลกาย Inbody สำหรับเด็กที่อายุ ไม่ถึง 15 ปีและผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี ด้วย
7. สังคมดี : พบกับ PWD Live chat และ Job Coaching แนะแนวอาชีพคนพิการ นายจ้างและเพื่อนร่วมงาน พร้อมชวนฟังดนตรีในสวน ด้วยกทม. มีแนวทางในการสร้างโอกาสในการทำงานให้กับคนพิการ จึงมีการนำเอา Live Chat Agent มาช่วยเพื่อสนับสนุนให้คนพิการได้แสดงศักยภาพในการทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการที่มีอุปสรรคในการเดินทาง โดยจะเป็นการทำงานในลักษณะการตอบแชต หรือเก็บสถิติการใช้ข้อมูล โดยนำร่อง 2 สำนักงานเขต
ในบูธนี้จะมีอาสาสมัครเทคโนโลยี (อสท.) มาช่วยเหลือ พร้อมกับมี Job Coach มาให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นแนวทางการสอนงานให้กับคนพิการ และเป็นการทำความเข้าใจในการทำงานร่วมกันของคนทั่วไปและคนพิการอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้กับคนในสังคม และสร้างความเสมอภาคในสังคมมากขึ้น
8. เรียนดี : ไฮไลต์สำหรับบูธนี้ จะมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้เข้ามาสัมผัสห้องเรียนดิจิทัลจำลอง พร้อมแนวทางการ Transform หลักสูตรการศึกษาให้รับกับยุคสมัย โดย กทม. มีแนวทางที่จะ Transform หลักสูตร จึงมีแนวคิดปรับเปลี่ยนห้องเรียนเป็นห้องเรียนดิจิทัล ให้รับการเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าในโลกยุคปัจจุบัน ตลอดจนมีแนวทางในการยกระดับห้องแล็บคอมพิวเตอร์ทุกโรงเรียนให้ทันสมัยและเพียงพอ จึงได้จัดจำลองห้องเรียนดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนได้มาทดลองใช้งาน
นอกจากนี้ ภายในบูธยังมีการนำเสนอเนื้อหาด้านการศึกษา และงานของสำนักพัฒนาสังคมเกี่ยวกับศูนย์ดูแลเด็กก่อนวัยเรียน ซึ่งะมีภาคีเครือข่ายภาคเอกชนมาร่วมด้วย อีกทั้งยังมีการจัดแสดงหุ่นยนต์จากโรงเรียนสังกัด กทม. มีกิจกรรมจากศูนย์ข่าวนักเรียน ในโรงเรียนสังกัด กทม. พร้อมด้วยโครงการ BMA School Expo “ZERO WAST” ตลอดจนสาธิตแปลงเพาะปลูกการเกษตร การแสดงความสามารถทางดนตรี การขายสินค้าผลงานของนักเรียน และการแจกผ้าอนามัยฟรี ฯลฯ
9. บริหารจัดการดี : มี Showcase แนวทางการพัฒนาเมืองโดยมีคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านไอเดียที่ได้มีการระดมแนวความคิดจากสมาชิกสภาเมืองคนรุ่นใหม่ระดับกลุ่มโซน ตลอดจนการขยายนโยบายที่ได้รับสนับสนุนและต่อยอดโดยหน่วยงาน กทม. จากการประชุมสภาเมืองที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรม และมารับบริการได้ตลอด 3 วัน
ปิดท้ายที่การจัดแสดงนิทรรศการ พร้อมการนำเสนออัตลักษณ์ประจำย่าน เช่น การจัดแสดงจำลองตลาดหัวตะเข้, การจัดแสดงเรื่องราว/จำหน่าย ผลิตภัณฑ์ของดีชุมชน Bangkok Brand (made in Bangkok), การจัดแสดงผลงานบริการจากเขตต่างๆ และการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในเขต ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์เขต ผ่านสื่อมัลติมีเดีย
![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2023/07/A6B658E0478E8484CBCA7F41A80D2EA7.jpg)
พร้อมกันนี้ กลุ่มเขตทั้ง 50 เขต จะยกบริการของสำนักงานเขต (Bma express) มาบริการกับประชาชนในงาน โดยประชาชนสามารถเข้ามารับบริการด้านต่างๆ ที่งานได้ดังนี้ บริการทำบัตรประจำตัวประชาชน กรณีขอมีบัตรครั้งแรก และต่ออายุบัตร, บริการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล, บริการเปลี่ยนที่อยู่, บริการให้คัดสำเนาทะเบียนบ้าน ทะเบียนราษฎร์ และบัตรประจำตัวประชาชน, บริการ Pre-service เตรียมข้อมูลเอกสารก่อนไปใช้บริการที่สำนักงานเขตฯ และบริการด้านข้อมูลท่องเที่ยว และกิจกรรมต่างๆ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ค. 66)
Tags: BMA Expo 2023, กทม., กรุงเทพมหานคร, งานนิทรรศการ, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, สวนเบญจกิติ