นายจอห์น ลี ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกงกล่าวในวันนี้ (11 ก.ค.) ว่า ฮ่องกงจะสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจากหลายจังหวัดของญี่ปุ่น หากญี่ปุ่นเดินหน้าตามแผนปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทร
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ฮ่องกงเป็นผู้นำเข้าสินค้าเกษตรและประมงใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น ส่วนจีนนั้นเป็นผู้นำเข้าอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุด
แผนการดังกล่าวของญี่ปุ่นซึ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (UN) เผชิญกับเสียงคัดค้านทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหาร ขณะที่ญี่ปุ่นระบุว่า การปล่อยน้ำที่บำบัดแล้วนั้นปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
นายลีแถลงต่อสื่อมวลชนว่า ฮ่องกงจะขยายคำสั่งห้ามนำเข้าสินค้าในปัจจุบันจากจังหวัดหนึ่งของญี่ปุ่นจะอย่างแน่นอน พร้อมระบุว่า “หากญี่ปุ่นเริ่มดำเนินการจริง ๆ เราจะสั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์ทางทะเลจากอีกหลายจังหวัดของญี่ปุ่น”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนได้ระบุว่าจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบอาหารจากญี่ปุ่น และคงมาตรการควบคุมการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารบางอย่างของญี่ปุ่น ขณะที่เกาหลีใต้กล่าวว่า จะยังคงห้ามนำเข้าอาหารและอาหารทะเลจากจังหวัดฟุกุชิมะ
นายลีกล่าวเสริมว่า เขาได้ขอร้องให้เลขาธิการด้านสิ่งแวดล้อมและนิเวศวิทยาของฮ่องกงจัดตั้งทีมงานหลายแผนกเพื่อออกแบบแผนปฏิบัติการของเมือง โดยรัฐบาลฮ่องกงจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด และจะประกาศรายละเอียดของแผนต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ข้อมูลสถิติของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า เมื่อปี 2565 ญี่ปุ่นได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ประมงไปยังฮ่องกงเป็นมูลค่า 7.55 หมื่นล้านเยน (536 ล้านดอลลาร์)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 66)
Tags: จอห์น ลี, ญี่ปุ่น, ฟุกุชิมะ ไดอิจิ, สารกัมมันตรังสี, อาหารทะเล, ฮ่องกง, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์