เพื่อไทย ย้ำพรรคร่วมไม่มีแผนสำรองหากโหวตรอบแรกไม่ผ่าน ยันไร้งูเห่า

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลยังมั่นใจว่าชื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีจะได้รับเลือกตั้งแต่รอบแรก ตามที่มติของ 8 พรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ทั้งนี้จากการฟังพรรคก้าวไกลแล้ว มั่นใจว่า ส.ว.ส่วนใหญ่สนับสนุนนายพิธา

ในเงื่อนไขมาตรา 112 ของส.ว. เพื่อปิดข้ออ้างให้นายพิธา เป็นนายกฯ นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางพรรคก้าวไกลต้องพิจารณา ส่วนกรณีนายกฯ เป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลต้องไปปรับกลยุทธ์

ส่วนกรณี ส.ว. เสนอกติกาให้ปัดตกชื่อแคนดิเดทนายกฯ ที่ได้เสียงโหวตไม่ผ่านเกณฑ์รอบแรกนั้นเป็นความเห็นของ ส.ว.เพียงส่วนหนึ่ง ไม่ใช่มติของ ส.ว. ซึ่งการปัดตกรอบแรกนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานรัฐสภาและสมาชิก ทั้งนี้ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างอาจไมถึงขั้นดำเนินการตามที่เสนอให้ความเห็น ส่วนการส่งชื่อแคนดิเดทนายกฯ ซ้ำ ตนเข้าใจว่าประธานรัฐสภานำเข้าที่ประชุมได้เลย

อย่างไรก็ดีในการตัดสินใจว่าจะนัดประชุมเพื่อโหวตเลือกใหม่อีกกี่ครั้งนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องของประธานรัฐสภาที่จะใช้กำหนดหรือวินิจฉัย ส่วนการเสนอชื่อนายพิธาโหวตเป็นนายกฯ จะมีกี่ครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องของพรรคเพื่อไทย เพราะแกนนำ 8 พรรคต้องมาคุยกัน เพราะเราเดินไปไหน ไปด้วยกัน

นายประเสริฐ กล่าวยืนยันว่า ไม่มีแผนสำรองหากในรอบแรกโหวตไม่ผ่านก็คงต้องกลับมาคุยกันอีกครั้ง

สำหรับข้อกังวลว่าพรรคขั้วรัฐบาลเก่าอาจเสนอชื่อแคนดิเดทนายกฯ แข่ง นายประเสริฐ กล่าวว่า หากฟังจากการให้สัมภาษณ์ของพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคภูมิใจไทย เห็นชัดว่าไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งเรื่องนี้ก็เบาใจได้ระดับหนึ่ง แต่การเมืองก็เกิดอะไรขึ้นได้ จึงเป็นเรื่องที่แกนนำทั้ง 8 พรรคร่วมต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี

ส่วนกระแสงูเห่า ตนยังไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทยไม่มี และในวันโหวตนายกฯ จะกำชับไปยังส.ส.แต่ละคน รวมถึงวิธีการโหวตก็เป็นในทางที่เปิดเผยไม่ได้เป็นในทางลับ จึงเชื่อว่างูเห่าจะไม่กล้า หากใครทำเท่ากับฆ่าตัวเอง

พร้อมเชื่อว่าคงไม่เดินทางไปสู่การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยเชื่อว่าสุดท้ายแล้วประเทศมีทางออก การเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หากไม่มีฝ่ายค้านก็ไม่มีอำนาจถ่วงดุล ซึ่งไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะใช้ดุลพินิจในการตัดสินเรื่องนี้ได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top