ดาวโจนส์ปิดร่วง 366.38 จุด หวั่นข้อมูลแรงงานหนุนเฟดขึ้นดบ.ต่อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพฤหัสบดี (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง หลังจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้น และทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,922.26 จุด ลดลง 366.38 จุด หรือ -1.07%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,411.59 จุด ลดลง 35.23 จุด หรือ -0.79% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,679.04 จุด ลดลง 112.61 จุด หรือ -0.82%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเป็นเปอร์เซ็นต์ในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 497,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 267,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.

ทางด้านสำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) ประจำเดือนพ.ค. พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานอยู่ที่ระดับ 9.824 ล้านตำแหน่ง ซึ่งแม้ว่าลดลง 496,000 ตำแหน่ง แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับที่สูง

แบรด แมคมิลเลียน นักวิเคราะห์จากบริษัท Commonwealth Financial Network กล่าวว่า ข้อมูลเหล่านี้เป็นหลักฐานล่าสุดว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และเมื่อพิจารณาถึงความมุ่งมั่นของเฟดที่ต้องการจะชะลอความร้อนแรงของตลาดแรงงานและฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดแล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกเป็นเวลานานขึ้น

ทั้งนี้ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลแรงงานดังกล่าว นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนพ.ย.

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นทะลุระดับ 5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4% ท่ามกลางความกังวลว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะผลักดันให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.5% โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.19% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดิ่งลง 3.58% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.57% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.17%

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.73% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 จะปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติชะลอตัวลง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 225,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. หลังจากที่พุ่งขึ้น 339,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 3.7% ในเดือนพ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top