ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย บมจ.สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) เข้าร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้เร่งดำเนินคดีต่อ 8 ผู้ต้องสงสัยร่วมกันกระทำผิดข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยขอให้เร่งรัดจับกุมตัวทันทีเพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งกับพยานหลักฐานและหลบหนี พร้อมขอให้ DSI เร่งประสานคณะกรรมการป้องปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทรัพย์ผู้ร่วมขบวนการทันที
ผู้ต้องสงสัยทั้ง 8 ราย ประกอบด้วย
1. บริษัท STARK
2. บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
3. นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ และบุคคลที่อาจได้รับผลประโยชน์จากการโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
4. นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานบริษัท STARK
5. นายชินวัฒน์ อัศวโภคี อดีตกรรมการบริษัท STARK
6. นายกุศล สังขนันท์ อดีตกรรมการบริษัท STARK
7. นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัท STARK
8. บุคคล นิติบุคคลอื่นใดที่ร่วมกันสมคบคิด
ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย STARK ระบุว่า บุคคลและนิติบุคคลดังกล่าวร่วมกันกระทำความผิดด้วยการสร้างงบการเงินปลอม ทำให้ผู้ลงทุนรายย่อยกว่า 11,000 รายเข้าไปซื้อหุ้น แต่ปรากฏผลการตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษภายหลังว่ามีการเบียดบังเงินของบริษัทไปมากกว่า 10,451 ล้านบาท โอนไปให้ บริษัท เอเชีย แปซิฟิก ดริลลิ่ง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายวนรัชต์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรงของทั้งสองบริษัท ซึ่งเชื่อว่าผิดกฎหมายฐานฟอกเงิน
อีกทั้ง นายศรัทธา อดีต CFO ของ STARK เปิดข้อมูลว่าอดีตผู้บริหาร STARK 3 ราย ออกคำสั่งผ่านนายชนินทร์ให้ปลอมแปลงบัญชี ทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดในสาระสำคัญว่ากิจการของ STARK กำลังมึความเจริญก้าวหน้า และราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จึงหลงเชื่อพากันเข้ามาซื้อหุ้นลงทุนจนผลักดันให้ราคาหุ้น STARK ขึ้นไปสูงสุดที่ 5.50 บาท มาร์เก็ตแคปมากกว่า 73,733 ล้านบาท ซึ่งนายวนรัชต์ได้ขายหุ้นล็อตใหญ่ออกไปได้เงินมากกว่าหมื่นล้านบาท เป็นการกระทำผิดฐานปั่นหุ้นลวงให้ผู้ลงทุนรายย่อยเข้าใจผิด และฉ้อโกงประชาชน
ต่อกมาเมื่อความจริงปรากฏว่าบริษัทประสบปัญหาขาดทุนจนส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ เข้าเกณฑ์ต้องหยุดการซื้อขายเพื่อฟื้นฟูกิจการ ราคาหุ้นตกมาเหลือแค่ 0.02 บาท มาร์เก็ตแคปเหลือเพียง 268 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์เสียหายไปรวมมากกว่า 73,465 ล้านบาท อันเป็นการกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
ผู้กระทำผิดร่วมขบวนการยังหลอกลวงโดยเจตนาทุจริตให้หลงเชื่อด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จผ่านหลายช่องทางเป็นระยะ เป็นเหตุให้ประชาชนตลอดจนกองทุนหลงเชื่อข้อมูลเท็จะ อันเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเป็นการฉ้อโกงประชาชนผู้ลงทุนรายย่อยจึงรวมตัวกันพร้อมจะร่วมเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีทั้งอาญาและทางแพ่ง และแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่ออธิบดี DSI ในวันนี้
ตัวแทนผู้ถือห้น STARK กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้เสียหายมีความกังวลตลอดเวลาว่าขั้นตอนในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดมีความล่าช้ากว่าปกติ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่อุปสรรคของ DSI เอง หรือที่สาเหตุใด ซึ่งแนวทางการเรียกร้องความยุติธรรมจากนี้จะดำเนินควบคู่กันไปกับการเรียกร้องให้ผู้กระทำผิดชดใช้ความเสียหาย เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายอีกมากทยอยเข้ามาแจ้งความประสงค์ในการดำเนินคดี หลังจากนี้ก็จะแต่งตั้งทนายความและตัวแทนของผู้เสียหายอย่างเป็นทางการเพื่อเดินหน้าดำเนินคดี
“สิ่งที่เราต้องการ คือ ขอให้ DSI เร่งอายัดทรัพย์และจับกุมผู้กระทำผิดก่อนหลบหนีทำลายพยานหลักฐานและยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน นอกจากนี้การที่เราต้องการมาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในเคสนี้แล้ว อีกวัตถุประสงค์หนึ่งคือเราต้องการกระตุ้นให้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าใจถึงสิทธิตัวเองว่าควรจะได้รับการปกป้อง คุ้มครองจากการความเสียหายจากผู้ที่ตั้งใจกระทำความผิดในตลาดหุ้น
ถ้าถามว่าเราเข็ดขยาดกับการลงทุนหรือไม่ ผมก็เชื่อว่าในตลาดทุนยังมีบริษัทมหาชนที่มีคุณภาพดี และมีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันเราก็อยากจะให้หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงรัฐบาล รัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรงได้ตระหนักถึงปัญหานี้ และหามาตรการในการป้องกันและปราบปรามโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ผู้กระทำผิดเข้ามาหาผลประโยชน์ กอบโกยในตลาดหุ้น” ตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อย กล่าว
ทั้งนี้ จากบทเรียนในอดีตที่มีความเสียหายในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนรายย่อยได้รับความเจ็บปวด และเรียนรู้ ซึ่งเมื่อเกืดความเสียหายในรอบนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนรายย่อยมีการรวมตัวที่แข็งแรงขึ้น
น.ส.อรุณศรี วิชชาวุธ ผอ.กองบริหารคดีพิเศษ กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้เสียหาย STARK ว่า DSI จะเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษในทางอาญา และจะมีการยึดทรัพย์สิน ล่าสุดก็อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการอายัดทรัพย์อย่างเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้มีการถ่ายเทไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ส่วนผู้เสียหายจะได้เงินคืนหรือไม่ขึ้นอยู่กับมาตรการยึดทรัพย์และการเร่งรัดคดี
ทั้งนี้ DSI จะเปิดระบบรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านทางออนไลน์เช่นเดียวกับคดีฟอร์เร็กซ์ทีดี (Forex-3D) เพื่อให้คดีมีความรวดเร็วขึ้น คาดว่าจะเปิดระบบดังกล่าวได้ภายในสัปดาห์นี้ และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะแถลงความคืบหน้าของคดีนี้ได้
ขณะที่เช้าวันนี้ นายผาด ธเนศวงษ์สกุล ทนายความของนายศรัทธา อดีต CFO ของ STARK ที่ถูก DSI ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ได้เข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนหมายเรียก เนื่องจากเพิ่งจะได้รับหมายเมื่อวานนี้ และวันพรุ่งนี้นายศรัทธาติดภารกิจ ยังไม่สะดวกเข้าพบพนักงานสอบสวน ซึ่งตนเองและนายศรัทธาว่างตรงกันในวันที่ 20 ก.ค.นี้
ทนายความ กล่าวว่า นายศรัทธาไม่ได้ประวิงเวลา และพร้อมจะเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยเร็วที่สุด รับประกันไม่มีการหลบหนี แม้จะยังไม่คุยในรายละเอียด แต่นายศรัทธายืนยันว่ามีพยานหลักฐานพร้อมทุกอย่าง จากนี้จะพิจารณาแนวทางในการต่อสู้คดี หากสิ่งใดที่ลูกความกระทำผิดก็จะให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่หากประเด็นใดถูกโยนความผิดมาก็จะขอต่อสู้คดี
โดยในช่วงเช้าวันนี้ อธิบดี DSI ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นสำนักงานของนายศรัทธา ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี
ส่วนกรณีของนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ STARK ที่ DSI ออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้นั้น ปรากฎว่านายชนินทร์ไม่ได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน หรือส่งทนายความมาพบ ขณะที่มีรายงานข่าวว่านายชนินทร์เดินทางออกนอกประเทศไทยไปแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ค. 66)
Tags: DSI, STARK, ฉ้อโกง, ปปง., วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ, สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย, อรุณศรี วิชชาวุธ, อายัดทรัพย์สิน