ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (3-7 ก.ค.) ไว้ที่ระดับ 35.00-35.70 บาท/ดอลลาร์ โดยมีประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือนมิ.ย.ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) สถานการณ์การเมืองในประเทศ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและบริการเดือนมิ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค. รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 13-14 มิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย และดัชนี PMI เดือนมิ.ย. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน
โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 7 เดือนที่ 35.74 บาท/ดอลลาร์ ก่อนฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทปรับตัวในกรอบแคบๆ ก่อนทยอยอ่อนค่าลงตามทิศทางเงินหยวนซึ่งถูกกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มที่เปราะบางของเศรษฐกิจจีน ขณะที่เงินดอลลาร์มีแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จีดีพีไตรมาส 1/66 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ที่ดีกว่าที่คาด และถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ย้ำถึงโอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม FOMC ในเดือนก.ค.
เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าจนถึงในช่วงปลายสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นทางการเมืองของไทย ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายเงินดอลลาร์ เพื่อปรับโพสิชันในช่วงปิดสิ้นเดือน และสิ้นไตรมาส
เมื่อวาน (30 มิ.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 35.44 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับ 35.22 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 มิ.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 26-30 มิ.ย.66 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 1,214 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,694 ล้านบาท โดยขายสุทธิพันธบัตร 1,424 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,270 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 66)
Tags: Forex, KBANK, ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท