ACG ซ่อนมูลค่าปั้นแบรนด์ “ออโตคลิก” เน้นเก็บกำไรวางเป้า 30 สาขารายได้ทะลุพันล้านปี 67 ดันเข้า SET

บมจ.ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง (ACG) หันหน้าเข้าเกียร์ลุยปั้นแบรนด์ศูนย์บริการบำรุงรักษารถยนต์ “ออโตคลิก” (AUTO Clik by ACG) มุ่งสู่เป้าหมายชิงตำแหน่งเบอร์ 4 ภายใน 3 ปีด้วยการขยายสาขาเพิ่มเป็น 30 สาขาในกทม.และหัวเมืองใหญ่ในสิ้นปี 67 สร้างยอดขายหลักพันล้านบาท และทำกำไรได้ พร้อมส่งเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ทันที

นายภานุมาศ รังคกุลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ACG เปิดเผยว่า บริษัทมีประสบการณ์มายาวนานในฐานะศูนย์จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า พบว่าส่วนงานบริการสามารถทำกำไรในระดับสูง จึงเป็นที่มาของการต่อยอดธุรกิจเพื่อพัฒนาและเติบโตอย่างมั่นคงและรวดเร็ว ด้วยการแตกไลน์เปิดศูนย์บริการรถยนต์เร่งด่วน (FAST-FIT) ออโตคลิก เพื่อขยายบริการรถยนต์ทุกแบรนด์จากโอกาสของตลาด FAST-FIT ที่มีการเติบโตของยอดจำหน่ายและจำนวนรถยนต์สะสมภายในประเทศ

“เราพบว่างานด้านบริการให้ ROE และ ROA ดีว่าศูนย์จำหน่ายรถยนต์ ขณะที่เงินลงทุนต่ำกว่ามาก และต้นทุนถูกกว่า เราเปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์หนึ่งแห่งต้องใช้เงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท แต่เงินเท่านี้เปิดศูนย์บริการซ่อมบำรุงได้เป็น 10 แห่ง ขณะที่ปริมาณรถยนต์ทุกค่ายในตลาดสูงขึ้นทุกวัน” นายภานุมาศ กล่าว

ออโต คลิก เปิดบริการมาแล้ว 2 ปี หลังจากเปิดสาขาแรกในเดือน มี.ค.64 ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งหมด 12 แห่ง ในกทม. ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี และล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66 ได้เปิดสาขาที่ 13 แยกสี่กอ อ.กะทู้ ทางขึ้นป่าตอง เป็นสาขาที่ 3 ในจังหวัดภูเก็ต พื้นที่ให้บริการกว่า 880 ตารางเมตร มีช่องซ่อม 7 ช่องซ่อม รองรับรถเข้าบริการได้กว่า 1,500 คันต่อเดือน

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายสาขา ออโต คลิก เพิ่มเป็น 20 สาขาภายในสิ้นปีนี้ โดยใน 3 สาขาต่อจากนี้จะเปิดในหลายจุดของกทม.เพื่อขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมมากขึ้น ก่อนจะเดินหน้าขยายสาขาไปเป็น 30 สาขาภายในปี 67 คาดว่าจะใช้งบลงทุนแต่ละสาขาต่ำกว่า 20 ล้านบาท หรือใช้งบลงทุนรวมราว 300 ล้านบาท เน้นจังหวัดที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยสาขาทั้งหมดจะบริหารงานโดย บริษัท ออโตคลิกบายเอซีจี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ACG

นายภานุมาศ กล่าวว่า เมื่อออโตคลิกขยายเป็น 30 สาขา เชื่อว่ายอดรายได้จะเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันล้านบาท จากปี 65 ที่มีจำนวน 8 สาขาสร้างรายได้ในหลักสิบล้านบาท ปริมาณรถยนต์ที่เข้าใช้บริการเดือนละ 700 คัน/สาขา และคาดว่าตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไปจะเริ่มทำกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งอันดับ 4 ในตลาดศูนย์บริการซ่อมบำรุงรถยนต์ได้ จากนั้นบริษัทจะเดินหน้าส่งออโตคลิกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ทันทีเพื่อขยายงานในระยะต่อไป

“โลกในปัจจุบันขับเคลื่อนด้วย technology ทีมจึงมุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการลูกค้า ระบบบริการหลังการขายและระบบการบริหารจัดการ ให้เป็นรูปแบบ Digital ทั้งกระบวนการ เช่น การเปิดใบสั่งซ่อม ระบบการติดตามสถานะงานซ่อมซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการเวลาในขณะที่รถรับบริการได้ ระบบ CRM ช่วยในการติดตามลูกค้าที่ถึงรอบระยะบริการรวมถึง Royalty program – Clik point ซึ่งบริษัทคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าเป็นที่ตั้ง อีกทั้ง Autoclik ยังเป็น FAST FIT เจ้าแรกของประเทศไทยที่มีการจัดทำ e-Tax invoice และ e-Receipt และ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าได้รับความรวดเร็ว ความปลอดภัย ความสะดวกสบายสูงสุด และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความตั้งใจที่ว่า”ลูกค้าจ่ายหลักร้อยได้รับบริการแบบหลักหมื่น” “นายภานุมาศ กล่าว

สำหรับธุรกิจหลักของ ACG ในฐานะศูนย์จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้า ปัจจุบันยอดขายถือว่าดีขึ้นหลังจากปัญหาขาดแคลนชิพคลี่คลายลง แม้ว่ายอดขายอาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก แต่ในแง่ของกำไรปรับตัวดีขึ้นกว่าเดิม เพราะปริมาณซัพพลายในตลาดยังไม่ได้เพิ่มสูงมาก ในปีนี้จึงน่าจะได้เห็นการเติบโตของกำไร แม้ว่าไตรมาส 1/66 กำไรจะยังทรงตัวจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่มั่นใจว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top