กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน DIF ลงต่อ 2.78% โบรกฯ ชี้ข่าวลือไม่ใช่ประเด็นใหม่ มีผลจำกัด

ราคา DIF ปรับตัวลงต่อ 2.78% หรือลดลง 0.30 บาท มาอยู่ที่ 10.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 749.91 ล้านบาท จากราคาเปิด 10.60 บาท ราคาสูงสุด 10.70 บาท ราคาต่ำสุด 10.00 บาท โดยเป็นการปรับตัวลงต่อจากวานนี้ ซึ่งมีราคาปิดตลาดอยู่ที่ 10.80 บาท

บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วานนี้ราคาหุ้นบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ปรับลดลง 8.4% และ 10% ตามลำดับ โดยเป็นแรงขายจาก DIF นำมาในช่วงเปิดตลาดบ่าย ตามด้วยแรงขายจาก TRUE ที่ตามมา

ไม่มีข่าวแจ้งตลาดอย่างเป็นทางการจากทั้งสองบริษัท แต่มีประเด็นกังวลจำนวนมากในห้องค้า เช่น

1. ผู้ถือหน่วย DIF จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี 10% เพราะอายุครบ 10 ปีแล้ว

2. มีโอกาสที่ DTAC จะยกเลิกสัญญาเช่าเสากับ DIF ที่จะหมดอายุ 24 มี.ค.67

3. การปรับโครงสร้างเงินกู้เป็น Float rate ทำให้การะดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

4. กองทุนต้องทยอยคืนหนี้สินกดดันการจ่ายปันผล

5. TRUE อาจยกเลิกการใช้ DIF ไปใช้เสา DTAC แทน

6. TRUE อาจมีการเพิ่มทุน

ประเมินว่าประเด็นความกังวลส่วนใหญ่ในตลาด ไม่ใช่ประเด็นใหม่และมีผลจำกัดต่อ DIF เช่น 1.การหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามอายุกองทุน 2.โอกาสที่ DTAC อาจยกเลิกการเช่าใช้ซึ่งกระทบรายได้เพียง 3% และปันผลราว 0.03 บาทต่อปี 3.การปรับโครงสร้างหนี้สินเนื่องจากมีการ Refinance หนี้สิน 1.2 หมื่นล้านบาทตั้งแต่เดือน พ.ย.65 ดังนั้นผลกระทบเกิดขึ้นไปแล้วในงวดไตรมาส 1/66 ดอกเบี้ยจ่ายอาจเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในไตรมาส 2/66 แต่ไม่ได้มีนัยยะมากนัก และ 4.หนี้สินส่วนอื่นยังมีกำหนดเวลาคืนหนี้อีกหลายปี มีโอกาส Refinance ได้อีกครั้ง

สำหรับประเด็นกดดันเพิ่มเติมที่มีนัยสำคัญ เช่น TRUE อาจมีการเพิ่มทุนหรือไม่ และ TRUE อาจยกเลิกการใช้เสา DIF จากการสอบถามไปทางบริษัททั้ง TRUE และ DIF ยืนยันไม่มีนโยบายดังกล่าว รวมถึงการจะขายเงินลงทุนใน DIF ก็ยังไม่มีนโยบายระยะสั้นเพิ่มเติม ดังนั้นแรงขายทั้ง TRUE และ DIF วานนี้เรามองเป็นประเด็นการปรับ Port ของนักลงทุนบางกลุ่มจากปัจจัยเฉพาะตัวทางจิตวิทยามากกว่าประเด็นทางพื้นฐาน

เราไม่ได้มีประมาณการและคำแนะนำสำหรับ DIF ระยะสั้นตลาดูยังมองเงินปันผลต่อหน่อยต่อปีในกรณีที่ DTAC ยกเลิกการเช่าใช้งานและได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ย Float rate ที่ระดับ 0.95 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น Yield ถึง 6.7% ทำให้ DIF มี Downside Risk จำกัดมาก และที่ระดับราคา 10.80 บาทต่อหุ้น เรามองว่ามีโอกาสน้อยมากที่ TRUE จะขายหน่วยออกมาเพิ่มเติม

สำหรับ TRUE (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.40) มองว่าหุ้นปรับลดลงแรงเกินไปเช่นกัน และไม่มีเหตุผลทางพื้นฐานที่กดดันหุ้นโดยตรง ยกเว้นมูลค่าเงินลงทุนใน DIF ลดลง ซึ่งมีผลกระทบน้อยต่อมูลค่าเหมาะสมโคยรวมสวนทางกับแนวโน้มผลประกอบการที่ทยอยดีขึ้นและแนวโน้มอุตสาหกรรมที่การแข่งขันลดความรุนแรงลง มองเป็นโอกาสในการทยอยสะสมสำหรับนักลงทุนระยะยาว

ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากวานนี้ราคากองทุนพื้นฐานฯ DIF ปรับตัวลง -10% ปิดที่ 10.80 บาท ทางฝ่ายมองปัจจัยลบในกระแสข่าว ดังนี้

  • สัดส่วนสัญญาเช่าที่จะหมดปี 66 เพียง 0.16%
  • ประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ทางฝ่ายมองกระทบราว 63 ล้านบาท (กระทบเงินปันผลราว 0.0063 บาทต่อปี) ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อย

ส่วนประเด็นอื่น ๆ ทางฝ่ายมองเป็นเหตุที่รับทราบมาก่อนนี้แล้ว และตลอดวานนี้ถึงภาคเช้าวันนี้ยังไม่ได้มีปัจจัยใด ๆ เพิ่มเติมเข้ามาเสริม

จึงแนะนำหากนักลงทุนยังถือ DIF อยู่ แนะนำถือต่อ แต่หากไม่มีสถานะ DIF แนะนำเข้าซื้อได้ โดย DIF มีราคา Bloomberg Consensus ที่ 14.88 บาท (Upside 37.77%)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top