ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งระบุว่า การที่ RBA ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย.นี้ ถือเป็นการดำเนินการที่มีความสมดุล และเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อสูงจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าจ้างและการคาดการณ์เงินเฟ้อ
รายงานการประชุมซึ่งมีการเผยแพร่ในวันนี้ระบุว่า คณะกรรมการ RBA ได้มีการพิจารณาถึงการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากเห็นว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคชะลอตัวลงอย่างชัดเจน แต่เมื่อคำนึงถึงความเสี่ยงของเงินเฟ้อ คณะกรรมการ RBA จึงได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.10% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 ปี และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 12 ในระยะเวลา 13 เดือน และสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่า RBA จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ทั้งนี้ RBA เดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ปรับตัวขึ้นมากกว่าคาด ขณะที่อัตราว่างงานปรับตัวลง และอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงาน (Participation Rate) พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน และส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดของ RBA จะอยู่ที่ 4.6% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 3.85%
ข้อมูลของ ABS ระบุว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 75,900 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 15,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.ยังออกมาแข็งแกร่งกว่าในเดือนเม.ย.ที่ปรับตัวลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากวันหยุดในเทศกาลอีสเตอร์ของออสเตรเลีย
ส่วนอัตราว่างงานเดือนพ.ค.ลดลงสู่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.7% ขณะที่อัตราการมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานพุ่งขึ้นแตะระดับ 66.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 66.7% ในเดือนเม.ย. โดยได้แรงหนุนจากการที่แรงงานสตรีมีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 66)
Tags: RBA, ธนาคารกลางออสเตรเลีย, อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, แบงก์ชาติ