โกลเบล็ก เก็ง SET แกว่ง Sideway ออกข้างจับตาผลประชุมเฟด ชูหุ้นเด่นเข้า FTSE SET

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก จำกัด (GBS) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังจับตาการลงมตินโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ (เช้ามืด 15 มิ.ย.ของไทย) อีกทั้งทางสหรัฐมีแผนประกาศงบประมาณช่วยเหลือด้านอาวุธระยะยาวแก่ยูเครน โดยจะมุ่งเน้นไปที่ยุทโธปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

ด้านจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ระดับใกล้ 0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญเรียกร้องให้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนักวิเคราะห์ในจีนคาดการณ์ว่าจะเห็นการบริโภคจะเติบโตและฟื้นตัวในปี 67 ส่วนปีนี้เป็นเพียงแค่ก้าวออกจากภาวะขาลงเท่านั้น หลังจีนยกเลิกมาตรการสกัดโควิด-19 แพร่ระบาด ยอดค้าปลีกฟื้นตัวขึ้นพอสมควรในช่วง 4M66

ขณะที่ประเด็นการเมืองการเมืองไทย ยังไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยืดเยื้อต่อไปหลังจากคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์รับคำร้องสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผิด ม.151 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,520-1,570 จุด

สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน เม.ย.66 การส่งออกมีมูลค่า 21,723.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.6%YoY ในขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 23,195 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.3%YoY ส่งผลให้ดุลการค้าของประเทศไทยเดือนเม.ย.66 ขาดดุลเท่ากับ 1,471.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน ม.ค.-เม.ย.66 พบว่าไทยส่งออกรวมมูลค่า 92,003.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 5.2%YoY

ส่วนกระทรวงพาณิชย์รายงาน CPI ของไทยในเดือน พ.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.53%YoY โดยชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 21 เดือนเนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซหุงต้ม รวมทั้งฐานในเดือน พ.ค.65 อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 2.96%YoY ส่วน Core CPI เดือน พ.ค.66 เพิ่มขึ้น 1.55%YoY ชะลอตัวต่อเนื่องเช่นกัน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 1.98%

ปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องจับตา วันนี้ 13 มิ.ย. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนมิ.ย., สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค., วันที่ 13-14 มิ.ย. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (ทราบผลเช้าวันที่ 15 มิ.ย. เวลาในประเทศไทย), 14 มิ.ย. สหรัฐ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (เช้าวันที่ 15 มิ.ย.) เฟดประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, วันที่ 15 มิ.ย. จีน รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, วันที่ 22 มิ.ย. นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐต่อคณะกรรมการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐ

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่เข้าคำนวณ FTSE SET Index : Large Cap เข้า MAKRO และ TRUE และกลุ่ม Mid Cap เข้า BEM, BTG, DIF, ITC, SAPPE, SISB, SNNP, SCAP สะท้อนภาพเกณฑ์ขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) และสภาพคล่องเป็นไปตามหลักสากล ซึ่งจะมีผลวันที่ 19 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มแข็งแกร่งมากขึ้นทั้งตัวเลขภาคแรงงานและดัชนีเงินเฟ้อ ขณะที่ช่วงกลางเดือนมีประชุม FOMC โดยตลาดให้น้ำหนักการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ไปจนถึงปลายปีนี้สัปดาห์นี้จับตาประกาศตัวเลขเงินเฟ้อทั้งฝั่งผู้บริโภคดัชนี CPI และผู้ผลิต ดัชนี PPI อีกทั้งช่วงกลางสัปดาห์มีประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ โดยตลาดให้น้ำหนักส่วนใหญ่มีมุมมองว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม หากเป็นไปตามที่แนวโน้มตลาดคาดการณ์จะเป็นแรงหนุนกับราคาทองคำ

ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อ่อนตัวและการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด ระหว่างสัปดาห์หากราคาทองคำไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,930 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ คำแนะนำทยอยเข้าซื้อสะสมฃ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top