ห่วง! ไข้เลือดออกระบาดหนักสุดในรอบ 3 ปี

กระทรวงสาธารณสุข ชี้ไข้เลือดออกระบาดหนักสุดในรอบ 3 ปี พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ ภาคใต้ และภาคกลาง โดยในช่วงนี้มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีฝนตกลงมาในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้เกิดน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลาย เน้นย้ำมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรคจากยุงลาย

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกเป็นโรคประจำถิ่นที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทยและอาเซียน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 ประเทศไทยมีผู้ป่วยถึง 18,173 ราย มากกว่าปีที่แล้วถึง 4.2 เท่า เป็นการระบาดสูงสุดในรอบ 3 ปี และมีผู้เสียชีวิต 15 ราย เฉลี่ยมีผู้ป่วยสัปดาห์ละ 900 ราย เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ราย พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ ภาคใต้ และภาคกลาง โดยนักเรียนอายุ 5-14 ปี ป่วยสูงสุด รองลงมา คือ กลุ่มอายุ 15-24 ปี

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากกรณีที่มีการคาดการณ์ว่าในปี 66 ประเทศไทยจะพบการระบาดของโรคไข้เลือดออกมากขึ้น ตามวงรอบของปีที่จะระบาด โดยในปีนี้สถานการณ์โรคไข้เลือดออก ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-8 มิ.ย. 66 พบรายงานผู้ป่วยจำนวน 19,503 ราย คิดเป็นอัตราป่วยต่อประชากรแสนคน 29.47 เสียชีวิต 17 ราย และจำนวนผู้ป่วยปี 66 มากกว่าปี 65 ณ ช่วงเวลาเดียวกันถึง 3.8 เท่า

สำหรับกลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงที่สุด ได้แก่ อายุ 5-14 ปี รองลงมา 15-24 ปี จังหวัดที่พบอัตราป่วยสูงที่สุดในช่วงเดือนที่ผ่านมา คือ จังหวัดตราด น่าน จันทบุรี แม่ฮ่องสอน และสตูล ตามลำดับ

ในช่วงฤดูฝนมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ทำให้มีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายและเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการระบาดของโรคได้ กรมควบคุมโรค จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ตามมาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค ได้แก่

  1. เก็บบ้านให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก

  2. เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่

  3. เก็บขยะภายในบริเวณบ้าน โรงเรียน และวัด เช่น ขวด กระป๋อง ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

ทั้งนี้ จะสามารถป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้ ได้แก่ โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา

นอกจากนี้ ต้องช่วยกันปรับปรุงสิ่งแวดล้อม หรือทำกิจกรรม BIG CLEANING DAY เพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม สถานที่ ให้ปลอดโปร่ง สะอาด ไม่ให้เป็นที่เกาะพักของยุง

กรมควบคุมโรค ได้กำหนดเป้าหมายในการดำเนินการป้องกันควบคุมโรคติดต่อนำโดยยุงลาย 7 สถานที่ หรือ 7ร. ได้แก่ โรงเรือน (บ้าน), โรงเรียน, โรงพยาบาล, โรงแรม/ รีสอร์ท, โรงงาน/อุตสาหกรรม, โรงธรรม (วัด/มัสยิด/ศาสนสถาน) และสถานที่ราชการ ซึ่งสถานที่ดังกล่าวมีการรวมตัวกันของประชาชน ถือเป็นสถานที่เสี่ยงที่จะมีการระบาดของโรคไข้เลือดออก และจากผลการสำรวจนั้น พบแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายสูงสุดในกลุ่มโรงธรรม และโรงเรียน

นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยการทายากันยุงหรือนอนในมุ้ง และหากประชาชนมีอาการไข้สูงลอย ร่วมกับอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา หรือมีจุดเลือดออกที่ลำตัว และแขน ขา ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ซึ่งมีผลทำให้เลือดออกในช่องทางเดินอาหารและยากต่อการรักษา เสี่ยงต่อการเสียชีวิต หากมีไข้ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคให้ชัดเจน จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม และช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดงานวันไข้เลือดออกอาเซียน ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “ก้าวสู่สังคมไทย ไม่ป่วยตายด้วยไข้เลือดออก” (Moving Forward to Zero Dengue Death) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และ 9 พันธมิตร เพื่อร่วมรณรงค์ป้องกัน-รู้เท่าทัน ต้านการเสียชีวิตจากไข้เลือดออก ซึ่งคาดการณ์ว่าจะระบาดหนักที่สุดในรอบ 3 ปี พร้อมมอบเงินรางวัลมูลค่ารวม 100,000 บาท แก่ผู้ชนะการประกวดสื่อสร้างสรรค์ “ASEAN Dengue Day Contest 2023” ที่จัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงภัยใกล้ตัวและความรุนแรงของโรค

นพ.โอภาส กล่าวว่า โรคไข้เลือดออก เป็นโรคประจำถิ่นที่เป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญของประเทศไทยและอาเซียน โดยตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. 66 ประเทศไทยมีผู้ป่วยถึง 18,173 ราย มากกว่าปีที่แล้วถึง 4.2 เท่า เป็นการระบาดสูงสุดในรอบ 3 ปี และมีผู้เสียชีวิต 15 ราย เฉลี่ยมีผู้ป่วยสัปดาห์ละ 900 ราย เสียชีวิตสัปดาห์ละ 1 ราย

ทั้งนี้ พบอัตราป่วยสูงสุด คือ กรุงเทพฯ ภาคใต้ และภาคกลาง โดยนักเรียนอายุ 5-14 ปี ป่วยสูงสุด รองลงมา คือกลุ่มอายุ 15-24 ปี กระทรวงสาธารณสุข จึงดำเนินการ 3 กลยุทธ์ คือ

  1. Rebrand รณรงค์ป้องกันก่อนเกิดโรค ปรับภาพลักษณ์หน่วยงานรัฐด้วยนโยบายเชิงรุก

  2. Rethink เปลี่ยนความคิดคนไทยให้รู้เท่าทันภัยร้ายของไข้เลือดออก เริ่มต้นจากการดูแลตนเอง

  3. Reconnect ผนึกกำลังภาคีรัฐและเอกชน ชูนวัตกรรมเพื่อสร้างความร่วมมือในการป้องกันการเสียชีวิตจากไข้เลือดออก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top