หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์อิงบวกตามภูมิภาค คาดหวังเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ย

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์อิงแดนบวกเล็กน้อยตามภูมิภาค หลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ดัชนีฯ ก็อาจจะบวกได้ไม่มาก จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงกดดัน ให้แนวรับไว้ที่ 1,545-1,550 จุด และแนวต้าน 1,575 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงแดนบวกเล็กน้อย สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตามดัชนีอาจปรับตัวขึ้นไปไม่มาก จากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง หลังวานนี้มีสื่อรายงานว่า สหรัฐและอิหร่านใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งจะนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน และส่งผลให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันในตลาดได้

ให้แนวรับไว้ที่ 1,545-1,550 จุด และแนวต้าน 1,575 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 มิ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,833.61 จุด เพิ่มขึ้น 168.59 จุด หรือ +0.50%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,293.93 จุด เพิ่มขึ้น 26.41 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,238.52 จุด พุ่งขึ้น 133.63 จุด หรือ +1.02%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,333.43 จุด เพิ่มขึ้น 34.25 จุด หรือ +0.18% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดเช้าที่ระดับ 3,213.03 จุด ลดลง 0.56 จุด หรือ -0.02% และดัชนีนิกเกอิเปิดเช้าที่ระดับ 31,927.38 จุด เพิ่มขึ้น 286.11 จุด หรือ +0.90%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 มิ.ย.66) 1,559.50 จุด เพิ่มขึ้น 26.29 จุด (+1.71%) มูลค่าการซื้อขาย 59,630.89 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,748.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.(8 มิ.ย.)ลดลง 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 71.29 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 มิ.ย.) อยู่ที่ 4.70 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.63 แข็งค่าจากวานนี้ หลังตัวเลขศก.สหรัฐกดดอลลาร์อ่อน-เงินไหลเข้าหนุน

– ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.66 ดีขึ้นสูงสุดรอบ 39 เดือน แต่กังวลการเมือง ชี้ถ้าเดือน ก.ย.ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ หรือ “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี มีการเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาล เกิดประท้วงนอกสภา เศรษฐกิจจะโตต่ำแค่ 2.5-3% ถ้าทุกอย่างราบรื่นโตตามเป้า 3-3.5%

– “อีซูซุ” ยืนยันปักหลักลงทุนไทย ไม่ย้ายฐานการผลิตไปอินโดนีเซีย เผยมีส่วนแบ่งตลาดปิกอัพในไทยเกือบ 50% ส.อ.ท. ชี้ตลาดรถปิกอัพของไทยโดดเด่นสุดในอาเซียน “บีโอไอ” ยืนยันยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ธปท.เชื่อไทยยังมีเสน่ห์ ดึงลงทุน

– สกพอ.ผนึก กลต. ตลท.-ธปท. ดันกระดานหุ้น สร้างกลไกตลาดทุนสำหรับอีอีซี ระดมทุนทั้งหุ้น พันธบัตร รูปแบบสกุลเงินดอลลาร์ เล็งเฟสต่อไปทำสกุลเงินหยวน พร้อมระดมทุน ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล ดึงกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น 2,000 ราย ระดมทุน

– ส.อ.ท.หารือเอก อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ผลักดันความร่วมมือการค้าการลงทุน ชักชวนจีนใช้ไทยเป็นฮับหนุน 3 อุตสาหกรรม อีวี อาหาร และการแพทย์

*หุ้นเด่นวันนี้

– AH (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 50.00 บาท ราคาหุ้นที่ร่วงลงมาเรามองว่าเป็นโอกาสซื้อ หลัง Isuzu Motors Thailand ออกมาปฏิเสธข่าวย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอินโดนีเซียเร็วสุดในปีหน้าตามที่สื่อต่างประเทศรายงาน ทั้งนี้ Isuzu จะยังคงใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตเช่นเดิมดูจากสัดส่วนยอดขายรถกระบะในประเทศไทยที่เป็นอันดับต้นๆ รวมถึงเป็นฐานในการผลิตเพื่อส่งออกด้วย สำหรับ AH นั้นหากพิจารณาจากฐานรายได้ในปี 66 ที่ราว 3.1 หมื่นล้านบาท มีรายได้จากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน 73% มีลูกค้า Isuzu 36% ในกรณี Worst Case (ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง) จะกระทบกับรายได้และกำไรสุทธิราว -26% และ -22% ถ้าคิดอิง PER 8-10 เท่า ราคาเหมาะสมจะอยู่ในช่วง 34.75-41.00 บาท ซึ่งช่วง Panic ได้ลงมาทดสอบไปแล้ว ส่วนประมาณการปี 66 ของเรายังเช่นเดิมประเมินยอดขายที่ 3.1 หมื่นล้านบาท เติบโต +11%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรม กำไรปกติปี 66 อยู่ที่ 1.94 พันล้านบาท +14%YoY กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.87 พันล้านบาท +2%YoY Valuation ไม่แพง ระยะยาวคาดว่าได้รับประโยชน์ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

– MINT (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 คาดว่าจะกลับมาแข็งแกร่งจากโรงแรมในยุโรปที่เข้า High Season หนุน RevPar ที่กลับมาสูงกว่าก่อนโควิด 35% ในเดือน เม.ย. ขณะที่ธุรกิจอาหารคาดยังเห็น SSSG เป็นบวกแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ฝั่งต้นทุนผ่อนคลายลงตามวัตถุดิบและค่าไฟ ภาพรวมคาดว่า EBITDA Margin และกำไรปกติจะกลับไปเกือบเท่าปี 2562 ในปีนี้และเหนือกว่าได้ในปีหน้า เราคาดกำไรปกติปี 2566-2567 ที่ 5.5 พันลบ. +172% y-y และ 7 พันลบ. +28% y-y ตามลำดับ

– BBIK (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 140 บาท มอง BBIK เป็นหุ้น Growth Stock ที่น่าสนใจ คาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 117% และปีหน้าโต 28% ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่แพงคิดเป็น PEG เพียง 0.6 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top