“จุรินทร์” ลั่นรัฐบาลบิ๊กตู่ต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่โฆษกพรรคก้าวไกลเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีขนของกลับบ้าน ว่า นายกรัฐมนตรียังจำเป็นต้องทำงานต่อไป ยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญจะต้องทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีไปจนกระทั่งรัฐบาลชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีทุกคนทุกกระทรวงก็ยังจะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์จึงถือว่าพ้นจากภารกิจ เพราะฉะนั้นก็ยังจะต้องอยู่กระทรวง ยังต้องอยู่ทำเนียบ ยังต้องทำงานอยู่ต่อไป ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้

“เพราะกฎเกณฑ์กติกาเป็นอย่างนั้น แล้วทุกคนก็ต้องเคารพกติกา ต้องเคารพความเป็นจริง ต้องเคารพรัฐธรรมนูญ แล้วก็สำคัญรัฐบาลชุดใหม่ก็ยังไม่เกิดด้วย ยังไม่ได้มีการจัดตั้งถึงขั้นโปรดเกล้าฯ แล้วก็เข้าถวายสัตย์” นายจุรินทร์ กล่าว

ส่วนกรณีมีข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะประกาศให้ 25 เขตเลือกตั้งมีปัญหาถูกร้องเรียนจนอาจส่งผลกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลว่า ต้องรอดูข้อเท็จจริงว่าในจำนวน 20 กว่าเขตตามที่ประธาน กกต.ได้ระบุนั้นเป็นเขตเลือกตั้งใดบ้าง จะส่งผลถึงขั้นต้องมีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ และทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้งที่จะตามมาด้วยว่า จะมีผลกระทบกับจำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองไหน แค่ไหน ซึ่งก็จะเป็นข้อเท็จจริงที่จะตามมา แล้วก็ต้องดูต่อไปอีกว่าจะมีผลกระทบเพิ่มเติมไปถึงลำดับที่จำนวน ส.ส.ของพรรคการเมืองที่มาเรียงลำดับกันทั้งประเทศหรือไม่ว่าพรรคไหนอยู่ลำดับที่ 1 2 3 4 5 6 เป็นต้น ซึ่งต้องดูไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมด ดูผลการตรวจสอบของ กกต. และผลประกาศของ กกต.ว่าจะมีการประกาศการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ถ้ามีจะเป็นเขตเลือกตั้งไหนแล้วพรรคไหนชนะ หรือผู้สมัครคนใดชนะ สิ่งเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ต้องติดตามไปตามข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ แม้จะมี 20 กว่าเขตเลือกตั้ง หากจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ถ้าพรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคขณะนี้ยังแน่นเหนียวก็ยังไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร จนทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลได้

“ถ้า 8 พรรคยังแน่นเหนียว เสียงข้างมากก็ยังน่าจะคงอยู่ที่ 8 พรรค เพราะแม้จะลบ 20 ลบ 25 ไป สมมติว่าเลวร้ายที่สุดสำหรับขั้ว 8 พรรคนี้ ก็จะยังคงเสียงข้างมากในสภาผู้แทนอยู่ แต่อันนี้ก็จะต้องอยู่ที่ข้อเท็จจริงที่จะต้องติดตามต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top