![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2023/05/7FE44E23481E9955049345FCD7C7EDDA.jpg)
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แถลงภายหลังพรรคก้าวไกลนำทีมเศรษฐกิจ เข้าหารือชี้แจงถึงความคืบหน้าเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่านว่ามีใครบ้าง ซึ่งได้มีการตั้งคณะทำงานด้านแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและ SME เรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เศรษฐกิจ BCG และการค้าชายแดน รวมถึงตัวเลขส่งออก เงินเฟ้อ และตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ
นายสนั่น กล่าวว่า สิ่งที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยต้องการมากที่สุด คือ ถ้าเป็นไปได้ ต้องการเห็นการจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเร็วที่สุดภายในกันยายนนี้ ซึ่งทุกคนพร้อมสนับสนุน เพราะการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าย่อมจะเกิดความเสียหายแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากพรรคใดก็ตาม ดังนั้นจึงต้องดำเนินการให้เร็ว เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งชาติ
ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนพลังงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่เจอ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในภาคเกษตร ปัญหาของผู้ประกอบการ SME จึงควรมีมาตรการออกมาช่วยเหลือ เพื่อต่อลมหายใจให้เร็วที่สุดที่เป็นไปได้
![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2023/05/5515CAC40E65A354B60139267AF2BF72.jpg)
สำหรับการจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทนั้น นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทย เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง แต่ควรพิจารณาจังหวะเวลา และอัตราการปรับขึ้นค่าแรงที่เหมาะสม ต้องดูในเชิงลึก เพราะมีกลไกไตรภาคีของแต่ละจังหวัด มีทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ แต่ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลคงฟังเสียงจากประชาชนมาแล้ว ซึ่งการขึ้นค่าแรง จะต้องทำให้ฝ่ายแรงงานอยู่ได้ ซึ่งเรามีจุดยืนตรงกันและเห็นว่า เรื่องเหล่านี้จะต้องจับเข่าคุยกัน
นอกจากนี้ มีความเป็นห่วงเรื่องงบประมาณรายจ่าย การทำงบประมาณฐานศูนย์ ถ้าทำช่วงที่มีเวลาจำกัด จะทำให้งบเบิกจ่ายไม่ทัน และกระทบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นายสนั่น มองว่า นโยบายเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล และมาตรการแก้ปัญหาตรงกับแนวทางที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมีการตั้งนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งสภาหอการค้าฯ ต้องทำงานร่วมกับทุกรัฐบาลอยู่แล้ว เราต้องการให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งในระยะสั้นต้องการเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งตรงกับสภาหอการค้าฯ ต้องการที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และที่ประชุมได้มอบหมาย ให้นายกฤษณะ วจีไกรลาศ เลขาธิการหอการค้าไทย ประสานงานกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกลต่อไป
จากนั้นนายพิธา ได้มีการชี้แจงประเด็นการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาทว่า จะมอบหมายให้คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและ SME ไปหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย แล้วมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปตรงกัน พร้อมกับยืนยันว่าจากผลการศึกษา แม้จะมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ก็ไม่ได้ส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นทันที
ส่วนในประเด็นเรื่องค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไม่ทันผลิตภาพแรงงาน นายพิธา กล่าวว่า เหรียญมีสองด้าน เราต้องการให้แรงงานลืมตาอ้าปากได้ เมื่อมีชีวิตที่พออยู่ได้เราจะพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่วนฝั่ง SME มีนโยบายเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และสิ่งที่รัฐบาลนำเสนอลดต้นทุนอื่นๆ เช่น หากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้แทนแรงงาน รัฐบาลจะเข้ามาส่งเสริมอย่างไรนั้น จะได้มีโอกาสพูดคุยกันมากขึ้น
![](https://www.infoquest.co.th/wp-content/uploads/2023/05/DCAB1D719E6D2FD69B65E157DD485802.jpg)
สำหรับการบริหารงบประมาณปี 67 ต้องคำนึงถึงเวลาในการทำงาน และการใช้ภาษีประชาชนให้คุ้มค่า ซึ่งปี 67 ข้อมูลจากรัฐบาลระบุว่า มีงบประมาณอยู่ 2.5 แสนล้านบาท ที่ใช้บริหารจัดการโดยไม่ต้องมีการรื้องบประมาณ แต่ทางสำนักงบประมาณ ระบุว่า พร้อมจะรื้อได้ โดยให้คณะทำงานไปพูดคุยกับสำนักงบประมาณว่า มีเรื่องใดบ้างที่ต้องตัดสินใจสำคัญ และมีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ เช่น เรื่องเรือรบจากจีน 3.5 หมื่นล้านบาท ยังไม่ตัดสินใจรอให้รัฐบาลตัดสินใจ ซึ่งทางเรายังไม่มีโอกาสได้ทำงาน นี้คือโอกาสคณะทำงานที่เราตั้งขึ้น เพื่อได้ปรึกษาหารือกัน เมื่อเริ่มทำงานเป็นรัฐบาลแล้วจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้
ส่วนกรณีที่มี ส.ว.บางครตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน เร็วเกินไปหรือไม่ และเหมือนกับเป็นความพยายามสร้างมวลชนเป็นแรงสนับสนุนและผลักดัน รวมถึงเป็นแรงกดดันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องรับรอง ส.ส.นั้น นายพิธา มองว่า ความเดือนร้อนของประชาชนรอไม่ได้ ซึ่งรูปแบบการตั้งคณะกรรมการประสานงานช่วงเปลี่ยนผ่าน ถ้าเป็นในต่างประเทศถือเป็นเรื่องปกติมาก
นายพิธา กล่าวว่า หอการค้าไทย ระบุว่า หากปี 2568 สามารถทำงบประมาณฐานศูนย์ และมีงบประมาณที่ยืดหยุ่นสอดคล้องกับความท้าทายแต่ละปี ย่อมดีกับการทำงานภาคเอกชน แต่ถ้าช่วงนี้เศรษฐกิจมีความผันผวนมาก ก็อยากให้ทำให้เศรษฐกิจมีความแน่นอนไว้ก่อน
นายพิธา กล่าวตอบคำถามกรณีมีกระแสข่าวว่า อาจมีการเลือกตั้งใหม่ หากถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติจากกรณีถือครองถือหุ้นไอทีวีว่า ขึ้นอยู่กับคำร้อง โดยทางพรรคก้าวไกลเตรียมไว้หลายรูปแบบ ขออย่าเพิ่งตีตนก่อนไข้
หลังจากนี้ จะเดินทางไปหารือกับส่วนงานบริหารท้องถิ่น โดยมีกำหนดว่าสัปดาห์หน้าจะไปหารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจะไปพูดคุยกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมท่องเที่ยวที่ภูเก็ต เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องมีการแถลงนโยบายกับทางสภาฯ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มีการทำงานล่วงหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะดีกว่ารอให้เกิดปัญหา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 66)
Tags: พรรคก้าวไกล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, รัฐบาลไทย, สนั่น อังอุบลกุล, หอการค้าไทย