กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มีมติเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี สู่ระดับ 2.00% ต่อปี ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือน ส.ค.65 โดยมีความเห็นว่าเ ศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านสูง
จากถ้อยแถลงระบุว่า กนง.ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องชัดเจน ผลจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงตัวเลขแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ 3.6% ในปีนี้ และ 3.8% ใน 2567 ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลง แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวในระดับสูง ซึ่งคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวอยู่ที่ 2.0% ในปี 2566 และ 2567 ซึ่งอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีต
ทั้งนี้ หลังการประกาศของ กนง. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ราว 34.74 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ โดยภาพรวมในปีนี้ เงินบาทอ่อนค่าลง 0.6% ซึ่ง กนง.ย้ำว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลล่าร์ เป็นผลจากแนวโน้มของนโยบายการเงินของเฟด การอ่อนค่าลงของเงินหยวน รวมทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองภายในประเทศ
สำหรับการประชุม กนง.ในครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นวันที่ 2 ส.ค.66 ซึ่งจากท่าทีของ กนง.ที่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้ บ่งชี้ว่ามีความกังวลชัดเจนเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อพื้นฐานสูง โดยระบุถึงความเสี่ยงด้านขาขึ้นของการเติบโตภายในประเทศ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ แม้จะระบุว่ายังคงต้องติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่ยังมีความไม่แน่นอน โดยยังมีความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังอยู่ในระดับสูง
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.0% แต่ยอมรับว่ายังมีความเสี่ยงที่ กนง.อาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยต่อ ขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ และปัจจัยทางการเมือง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 66)
Tags: กนง., ค่าเงินบาท, นโยบายการเงิน