นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการถือครองถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หากถูกศาลวินิจฉัยขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส. ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเป็นนายกรัฐมนตรี และการเซ็นรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ก.ก.ที่ผ่านมาหรือไม่ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับผู้ร้องว่าร้องในประเด็นใด
ถ้าร้องในประเด็นว่าขาดจากการเป็น ส.ส. นายพิธาก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่ต้องเป็น ส.ส. หรือถ้าร้องว่าขาดจากความเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถเป็น ส.ส.ได้ แต่ถ้าร้องทั้ง 2 เรื่อง ศาลก็จะวินิจฉัยทั้ง 2 เรื่อง หรืออาจจะกระทบไปอีกประเด็น คือการเซ็นรับรองสมาชิกพรรค
“อยู่ที่คำร้องว่าจะร้องอย่างไร จะร้องทั้ง 3 ประเด็นเลยหรือไม่ แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้น เอาทีละประเด็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่ได้ทำอะไรเลย อย่าเพิ่งคิดในแง่ร้าย” นายวิษณุ กล่าว
การที่ตนพูดแบบนี้ ไม่ใช่มาแนะนำว่าจะต้องร้องอย่างไร เพราะอยู่ที่ผู้ร้องเองว่าร้องประเด็นไหน ศาลก็วินิจฉัยประเด็นนั้น ถ้าร้อง 3 ประเด็นศาลก็วินิจฉัยทั้ง 3 ประเด็น
นายวิษณุ กล่าวว่า หากมีการร้องเรื่องเซ็นรับรองสมาชิกพรรคก็จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด อย่างในอดีตที่คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ ชินวัตร ไปกาลงคะแนน และมีคนไปถ่ายไว้ ซึ่งเกิดเหตุเพียงคูหาเดียว แต่ทำให้การเลือกตั้งครั้งนั้นโมฆะทั้งประเทศ ดังนั้นกรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน หากมีการเลือกตั้งซ่อมก็ต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 66)
Tags: พรรคก้าวไกล, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, วิษณุ เครืองาม, เลือกตั้ง