STARK เร่งจัดทำ Special Audit ขยายผลเชิงลึกส่งก.ล.ต.ภายใน 15 มิ.ย.

บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า จากการจัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) บริษัทสรุปข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินการแก้ไขกรณีที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” ว่าสาเหตุที่บริษัทถูกขึ้นเครื่องหมาย “C”

ผู้สอบบัญชีของบริษัทได้ตรวจพบธุรกรรมที่อาจมีความผิดปกติระหว่างการตรวจสอบบัญชีเพื่อจัดทำงบการเงินประจำปี 2565 บริษัทจึงได้จัดทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงเชิงลึกและขยายผลการตรวจสอบที่ได้รับจากผู้สอบบัญชี

อย่างไรก็ดี สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นว่าขอบเขตการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน อาจทำให้ได้รับข้อเท็จจริงไม่เพียงพอที่จะสรุปข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมที่อาจผิดปกติ และอาจทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของงบการเงินรวมของบริษัท สำนักงาน ก.ล.ต. จึงมีคำสั่งลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ให้บริษัททำการขยายขอบเขตการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit)ให้ครอบคลุมธุรกรรมการขาย ลูกหนี้ การรับโอนเงินของบริษัทย่อย และรายการบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญหรือผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีหนึ่งในสำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ (ซึ่งไม่ใช่สำนักงานสอบบัญชีที่เคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทในปี 2564) มาดำเนินการตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม

ด้วยเหตุดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจึงขึ้นเครื่องหมาย “C” (Caution) ไว้ที่หลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัท ตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องแนวทางดำเนินการเพื่อแก้ไขเหตุขึ้นเครื่องหมาย “C”

1) ในส่วนของการดำเนินการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเพื่อการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการว่าจ้างผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีหนึ่งในสำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ ( Big 4) เพื่อมาทำการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติม

2) เมื่อได้แต่งตั้งผู้สอบบัญชีตามข้อ 1) แล้วบริษัทจะให้ความร่วมมือกับทีมผู้สอบบัญชีในการให้ข้อมูลประสานงาน และดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) ตามขอบเขตที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ขยายผลเพิ่มเติมโดยเร็ว และโปร่งใส

3) บริษัทจะรวบรวมหลักฐานและข้อมูลที่ได้รับจากการดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) และชี้แจงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการในส่วนนี้แก่สำนักงาน ก.ล.ต. ภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ตามที่สำนักงานก.ล.ต. กำหนด

4) ในส่วนของความเสี่ยงเกี่ยวกับธุรกรรมที่อาจผิดปกติ บริษัทพร้อมที่จะดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นตามขั้นตอนและกระบวนการที่เหมาะสม ภายใต้กฎเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ผู้ถือหุ้นในการบริหารจัดการความเสี่ยงดังกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 พ.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top