บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 787,800 คัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากผลกระทบของโรคโควิด-19 และปัญหาขาดแคลนชิปเริ่มบรรเทาลง
โตโยต้าระบุว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในต่างประเทศซึ่งไม่รวมญี่ปุ่นนั้น เพิ่มขึ้น 14.7% แตะที่ 514,738 คันในเดือนเม.ย. ซึ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากยอดการผลิตรถยนต์ในจีนที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 51.9% หลังจากรัฐบาลจีนยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในนครเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ยอดการผลิตในอเมริกาเหนือและยุโรปก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ส่วนยอดการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 12.2% แตะ 273,062 คันในเดือนเม.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและการจัดซื้อเซมิคอนดักเตอร์ที่ดีขึ้นภายในประเทศ
สำหรับยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าเพิ่มขึ้น 4.9% แตะที่ 800,863 คัน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งในญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มขึ้น 21.5% แตะที่ 125,326 คัน ขณะที่ยอดขายในต่างประเทศซึ่งไม่รวมญี่ปุ่นนั้น เพิ่มขึ้น 2.3% แตะที่ 675,537 คัน เนื่องจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในจีน ซึ่งช่วยชดเชยยอดขายที่ชะลอตัวลงในตลาดอื่น ๆ รวมถึงยุโรปและอเมริกาเหนือ
ทั้งนี้ ยอดการผลิตรถยต์โตโยต้าที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. สอดคล้องที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจะผลิตและจำหน่ายรถยนต์แบรนด์โตโยต้าและเล็กซัส ในจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีงบการเงินปัจจุบันซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2567
นอกจากนี้ โตโยต้าคาดการณ์ว่า บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ได้ 10.1 ล้านคัน และจะจำหน่ายรถยนต์ได้ 10.4 ล้านคันในปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มที่จะดำเนินการผลิตได้มากขึ้น หลังการปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 66)
Tags: ญี่ปุ่น, ยอดการผลิตรถยนต์, โตโยต้า มอเตอร์