“พรเพชร” ปัดชี้นำโหวตเลือกนายกฯ มั่นใจ ส.ว.มีคุณวุฒิ-วัยวุฒิ

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่กระแสสังคมออกมาโจมตี ส.ว.เกี่ยวกับท่าทีในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ ส.ว.ก็ยังไม่ได้พูดจาอะไรกันมาก เพราะเพิ่งเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญไปครั้งเดียว ทั้งนี้ ส.ว.ทุกคนมีวุฒิภาวะ มีความรู้ ความตั้งใจทำงาน เพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ ดังนั้นแต่ละคนมีความคิดของตนเอง และมีความเป็นอิสระ ซึ่งความเป็นอิระนั้นไม่ได้หมายความว่าตามอำเภอใจ แต่ต้องคิดถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า ส.ว.ทุกคนทำหน้าที่อย่างนั้น ส่วนจะมีใครมาต่อว่า ส.ว.คงเป็นเพียงส่วนน้อย

เมื่อถามว่าในฐานะประธานวุฒิสภา ได้ให้แนวทางกับส.ว. ต่อคุณสมบัติของคนที่จะเสนอชื่อเป็นนายกฯ อย่างไรนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ไม่เคยชี้นำ หรือให้แนวทางการตัดสินใจกับ ส.ว. เพราะตนก็ต้องทำหน้าที่เป็นรองประธานรัฐสภาด้วย จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะแนะนำอะไรใครได้

นายพรเพชร กล่าวว่า โดยส่วนตัวยังไม่ได้รับการติดต่อจากคณะเจรจาของพรรคก้าวไกล ที่จะขอให้ลงมติสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งได้บอกไปแล้วว่า ตนทำหน้าที่รองประธานรัฐสภา จะพูดแนะนำหรืออะไรไม่ได้ ส่วนที่ ส.ว.ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามการตั้งรัฐบาลและโหวตนายกฯ นั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง

ส่วนกรณีที่มีการกดดันหรือข่มขู่ ส.ว.ในเรื่องดังกล่าวนั้น เคยเห็นแต่ในสื่อ และไม่ทราบว่าจะมีใครไปกดดัน เมื่อยังไม่มีปรากฏดังนั้นคงไม่พูดดักคอ เพราะเชื่อว่า ส.ว.จะปฏิบัติไปตามหน้าที่ ตนเชื่อมั่นในความตั้งใจที่จะทำในสิ่งที่ดี และคงไม่หวาดกลัวอะไร เข้าใจว่า ส.ว.ต้องพิจารณา แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยให้ไทม์ไลน์ไว้ประมาณ 2 เดือน และก่อนถึง 2 เดือนนั้น จะมีไทม์ไลน์ของการมีประธานรัฐสภาก่อน

ส่วนเรื่องการเจรจาต่อรองเก้าอี้ประธานสภาฯ นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า อยู่ในฐานะที่ไม่สามารถพูดได้ว่าอยากจะได้ใคร หรือใครดี ไม่ดี แต่เข้าใจว่าการเลือกประธานสภาฯ ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งนั้น จะเลือกมาจาก ส.ส.ที่ผ่านการเลือกตั้ง และการลงมติก็มาจาก ส.ส.เช่นกัน ดังนั้นตนมั่นใจว่า ฐานะที่ตนเป็นรองประธานรัฐสภา จะสามารถทำงานร่วมกันได้ ไม่ว่าเป็นใคร เพราะมั่นใจในคุณวุฒิ วัยวุฒิ หรือในสิ่งที่มีความตั้งใจ รวมทั้งความรู้ต่างๆ แม้อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่มั่นใจอยู่ว่าสามารถทำงานให้กับทุกท่านหากได้รับการคัดเลือกมา โดยการแต่งตั้งจากสมาชิกเอง

สำหรับกรณีที่มี ส.ว.ถูกออกหมายเรียกในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด คือ นายอุปกิต ปาจารียางกูร และคดีใช้อิทธิพลข่มขู่ คือ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ นั้น นายพรเพชร กล่าวว่า การดำเนินการต้องให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ส่วนในแง่จริยธรรม หากมีพฤติกรรมที่ชี้มูลความผิดต้องเข้าสู่การพิจารณาจริยธรรม

ส่วนเรื่องการตรวจสอบจริยธรรมของ ส.ว.นั้น ไม่เกี่ยวว่าต้องมีคนร้องหรือไม่ เพราะต้องดูข้อเท็จจริงก่อน เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม อัยการ ศาล ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 66)

Tags: , , , , , ,
Back to Top