นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้แกว่งไซด์เวย์อัพตอบรับความคืบหน้าการเจรจาขยายเพดานหนี้สหรัฐมีทางออก แต่ยังต้องจับตาการลงมติของสภาครองเกรส ขณะที่ Bond Yield ย่อตัวลง ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ ติดตามการแถลงภาวะนำเข้า-ส่งออกของไทยเดือน เม.ย.66 และการประชุมของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อตกลงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,535 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มไซด์เวย์อัพเล็กน้อย จากการขยายเพดานหนี้สหรัฐมีความคืบหน้าในทางบวก อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ย่อตัวลง ขณะที่ต่างชาติยังขายอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลของไทย ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ทำให้ตลาดอาจตอบรับเชิงบวกเล็กน้อย และวันนี้ยังต้องติดตามตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนเมษายนอีกด้วย
ในขณะที่หุ้นที่น่าจับตามอง ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจาก DELTA และกลุ่มธนาคาร ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยคาดว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ภาพรวมวอลุ่มการซื้อขายอาจจะยังเบาบาง
โดยให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,535 จุด
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า แนวโน้มวันนี้คาด SET Index แกว่งตัว Sideways หลังฟื้นตามตามตลาดต่างประเทศได้ดีพอสมควรวานนี้ ประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,530-1,550 จุด จับตา กนง.คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2% ในการประชุมพรุ่งนี้ ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตลาดมองว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย.-ก.ค ตึงตัวกว่าที่เคยประเมิน ยังกดดันให้ค่าเงินบาทยังค่อนไปในฝั่งอ่อนค่าระยะสั้น
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (29 พ.ค.) ปิดทำการวันจันทร์ที่ 29 พ.ค.เนื่องในวัน Memorial Day
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,574.19 จุด เพิ่มขึ้น 23.07 จุด หรือ +0.12% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,214.67 จุด ลดลง 6.78 จุด หรือ -0.21% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 31,196.24 จุด ลดลง 37.30 จุด หรือ -0.12% แต่หลังจากตลาดเปิดทำการได้เพียง 15 นาที ดัชนีนิกเกอิดีดตัวขึ้น 114.05 จุด หรือ +0.37% แตะที่ 31,347.59 จุด
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ค.66) 1,540.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.13 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 37,756.87 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 218.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ค.66
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.17% ปิดที่ 72.67 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 1.4% ในรอบสัปดาห์นี้
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ค.) อยู่ที่ 3.97 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.65 แข็งค่าตามภูมิภาค คาด sideway รอลุ้น กนง.พรุ่งนี้
– “คลัง” ฟุ้งจัดเก็บรายได้ 7 เดือน ปีงบประมาณ 2566 เกินกว่าเป้าหมาย 8.9% มั่นใจทั้งปีผลงานฉลุย ด้าน “ธนาคารโลก” แนะปฏิรูปภาษีแบบก้าวหน้า หนุนขึ้น VAT-ขยายฐานภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดา ช่วยปั๊มรายได้ภาครัฐรองรับการเติบโตระยะยาว
– บี.กริม เพาเวอร์ ชี้ 4 ข้อ แก้ไฟแพง แนะรัฐใช้ประโยชน์จากปริมาณก๊าซของไทยและเพื่อนบ้าน พร้อมเผยทุ่มงบกว่า 400 ล้านบาท ลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์เกาหลี 98.99 เมกะวัตต์ ขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียน
– นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลกระทบต่อราคาสินค้าและบริการ กรณีที่กรมสรรพสามิตเตรียมยกเลิกมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.66 อาจทำให้ราคาดีเซลปรับเพิ่มขึ้นจาก 31.94 บาท/ลิตร เป็น 37 บาท/ลิตร ได้สั่งการกรมการคำภายในศึกษาผลกระทบว่ามีมากน้อยแค่ไหน ส่วนผลกระทบกรณีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท กรมการค้าภายในทำโครงสร้างต้นทุนสินค้าอุปโภคบริโภคไว้ชัดเจนแล้ว โดยมีการดูแลกำกับราคาตั้งแต่ราคาหน้าโรงงานไปจนถึงราคาขายปลีก ดูแลทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคภายใต้นโยบายวิน-วินโมเดล
หุ้นเด่นวันนี้
– GFPT (กรุงศรี พัฒนสิน) แนะนำ “ซื้อ” เป้าสูงสุด IAA Consensus 15.90 บาท ผลประกอบการทยอยฟื้นตัวตามราคาขายไก่ในประเทศที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 46-48 บาทต่อ ก.ก. หรือเพิ่มขึ้นราว 10% จากเฉลี่ย 40.75 บาทต่อ ก.ก.ในไตรมาส 1/66, ข่าวไข้หวัดนกในบราซิลช่วยเพิ่มยอดส่งออก ขณะที่ไตรมาส 3/66 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ
– COM7 (พาย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท คงมุมมองเชิง “บวก” สำหรับกลุ่ม IT พาณิชย์ของไทยเพราะเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว ที่จะไปเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 66 และปี 67
– BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/66 เบื้องต้นคาดชะลอตัว q-q จากปัจจัยฤดูกาลปกติมักเป็นไตรมาสต่ำสุดของปี แต่คาดยังคงเป็นระดับแข็งแกร่ง ระยะกลาง-ยาวคาดยังได้อานิสงส์ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทั้งไทยและโดยเฉพาะต่างประเทศ ยังคงประมาณการกำไรทั้งปี 66 ที่ 1.35 หมื่นลบ. +7% y-y ระยะสั้นได้อานิสงส์โควิดกลับมาระบาด และไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ให้แนวรับ 27.50-27 บาท แนวต้าน 30-32 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 66)