เงินบาทเปิด 34.72 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าจากกังวลเพดานหนี้สหรัฐ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.72 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.51 บาท/ดอลลาร์

เช้าวันนี้เงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลปัญหาเพดานหนี้สหรัฐ จึงทำให้มีการเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างเงินดอลลาร์

ประกอบกับในรายงานผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 2-3 พ.ค.ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ แม้เฟดจะส่งสัญญาณ ว่าจะคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบหน้าเดือน มิ.ย.ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่เฟดบางราย ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ว่าหลังจากนั้นเฟดจะไม่ขึ้น ดอกเบี้ยอีก ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยิลด์) ปรับตัวสูงขึ้น และทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น

คืนนี้ ตลาดรอดูการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) ของสหรัฐ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.50-34.80 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (24 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.76828% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.98867%

* ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 139.61 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 138.51 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0742 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0762 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.554 บาท/ดอลลาร์

– อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-เม. ย.2566) ส่งออกได้ 2.62 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.41% ที่ส่งออกปริมาณ 2.29 ล้านตัน มีมูลค่าการส่งออก 48,612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.29% หรือ 1,436 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 19.37%

– สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้เครดิตพินิจ (Rating Watch) ของสหรัฐเป็น “เชิงลบ” พร้อมระบุว่าอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ AAA เนื่องจากการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งอาจจะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์

– ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 2-3 พ.ค.เมื่อคืนนี้ โดยระบุว่า กรรมการ เฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ความจำเป็นในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นเริ่มลดลง โดยกรรมการเฟดหลายคนเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบดังกล่าวอาจเป็นครั้งสุดท้าย แต่มีกรรมการเฟดบางคน ยังเห็นถึงความจำเป็น ของการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังปรากฎให้เห็น

– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (24 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (24 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยฉุดตลาด ขณะที่นัก ลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วน บุคคล (PCE) ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

– นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย สัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2566 (ประมาณการครั้งที่ 2) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนเม.ย.

สำหรับในวันศุกร์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย. และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top