แอสโทรเนอร์จีเปิดตัวโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์รุ่นใหม่ “แอสโทร เอ็น7”

แอสโทรเนอร์จี ผู้ให้บริการโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ท็อปคอน (TOPCon) ชนิดเอ็นไทป์ ได้เปิดตัวแอสโทร เอ็น7 (ASTRO N7) หรือโมดูลแอสโทร เอ็น (ASTRO N) รุ่นอัปเกรดใหม่ ในงาน 2023 SNEC PV Power Expo ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รับใบรับรองคุณภาพมาตรฐาน IEC จากทียูวี ไรน์แลนด์ (TV Rheinland)

แอสโทร เอ็น7 ผสานรวมเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ท็อปคอน 3.0 (TOPCon 3.0) กำลังการผลิตโมดูล และความรู้ลึกเกี่ยวกับตลาดของแอสโทรเนอร์จี หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ใหม่คือเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ที่พัฒนาขึ้นโดยอิสระ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเซลล์โบรอน-แอลดีเอสอี (Boron-LDSE) และเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอื่น ๆ ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตในปริมาณมากสูงถึง 25.6% และประสิทธิภาพโดยเฉลี่ยของเซลล์ที่ผลิตนำร่องสูงถึง 26.0%

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ยังประกอบด้วยซิลิคอนเวเฟอร์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าเวเฟอร์เอ็ม10 (M10) ขนาด 182 มม. ที่โมดูลแอสโทร เอ็น5 (ASTRO N5) ใช้มาก่อนหน้านี้ ด้วยพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น 5.12% และเทคโนโลยีท็อปคอน 3.0 ส่งผลให้กำลังของเซลล์เดี่ยวเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์เซลล์ PERC ตัวหลัก ๆ ในตลาด

ในกระบวนการผลิตโมดูลแอสโทร เอ็น7 นั้น แอสโทรเนอร์จีได้ใช้เทคโนโลยีกระบวนการเซลล์ SMBB รวมถึงใช้กระจกส่งผ่านแสงสูงและฟิล์มเปลี่ยนทิศทางแสง (สำหรับรุ่นกระจกสองชั้น) เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์ใหม่มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในแทบทุกสภาพการใช้งาน

แอสโทร เอ็น7 มีการรับประกันผลิตภัณฑ์อย่างน้อย 12 ปี และรับประกันผลผลิตไฟฟ้า 30 ปี ส่วนอัตราการเสื่อมสภาพในปีแรกต่ำกว่า 1% อย่างมาก ขณะที่อัตราการเสื่อมสภาพต่อปีในปีที่ 2 ถึงปีที่ 30 ก็ต่ำกว่า 0.4%

เมื่อพิจารณาในภาพรวมแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่อัปเกรดใหม่นี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าและประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีต้นทุนอุปกรณ์ประกอบระบบ (BOS) และต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย (LCOE) ลดลง ส่วนค่าสัมประสิทธิ์อุณหภูมิของแอสโทร เอ็น7 ก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นสู่ระดับ -0.29% ต่อองศาเซลเซียล และในแง่ของอุณหภูมิในการทำงาน, ค่าประสิทธิภาพสองหน้า (bifaciality), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสง (LID), การเสื่อมสภาพที่เกิดจากแสงและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง (LeTID) และปริมาณรังสีนั้น แอสโทร เอ็น7 ยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีเช่นเดียวกับรุ่นแอสโทร เอ็น5

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top