กำไรในจีนของวาณิชธนกิจทั่วโลกหดตัวปี 2565 เซ่นพิษโควิด-ปัญหาการเมือง

ผลกำไรของโกลด์แมน แซคส์ มอร์แกน สแตนลีย์ และธนาคารจากตะวันตกรายอื่น ๆ ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีน ทรุดตัวลงอย่างหนักในปี 2565 เนื่องจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ได้บั่นทอนความหวังว่าการดำเนินธุรกิจในจีนอาจเริ่มกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งในที่สุด

ทั้งนี้ สำนักข่าวไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานว่า ธุรกิจในจีนของเครดิต สวิส, ดอยซ์แบงก์, โกลด์แมน แซคส์ และ HSBC รายงานภาวะขาดทุนในปี 2565 ส่วนธุรกิจในจีนของมอร์แกน สแตนลีย์รายงานกำไรที่ลดน้อยลง โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ธนาคารแต่ละแห่งเผยแพร่ต่อสาธารณชน

ในกลุ่มธนาคาร 7 แห่งจากสหรัฐและยุโรปที่มีธุรกิจวาณิชธนกิจในจีนแผ่นดินใหญ่นั้น มีเพียงเจพีมอร์แกนและยูบีเอสเท่านั้นที่กำไรปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าธุรกิจวาณิชธนกิจของ HSBC จะขาดทุนน้อยกว่าเมื่อปีก่อน ๆ หน้าก็ตาม

รายงานระบุว่า กลุ่มธนาคารจากตะวันตกใช้เวลาหลายปีลงทุนขนาดเล็กในจีน แต่มักจะขาดทุนอยู่เนือง ๆ อย่างไรก็ตาม ธนาคารเหล่านี้ยังคงคาดหวังว่าในท้ายที่สุดแล้วธุรกิจจะพลิกกลับมามีกำไร แต่ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่ย่ำแย่ลง ตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากในการทำเป้าหมายให้กลายเป็นความจริง

อนึ่ง การทำธุรกิจขาดทุนดังกล่าวพลิกจากสถานการณ์เมื่อปี 2564 โดยเวลานั้นเป็นปีที่รุ่งเรืองสำหรับวาณิชธนกิจทั่วโลก ซึ่งวาณิชธนกิจ 6 จาก 7 แห่งสามารถทำกำไรได้ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังรัฐบาลจีนอนุญาตให้บริษัทเหล่านี้สามารถถือครองกรรมสิทธิ์ธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก หลังทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 66)

Tags:
Back to Top